เริ่มหมดความอดทน! สื่อเผยอเมริกาขีดเส้นถึงสิ้นปี ให้อิสราเอลปิดฉากสงครามกับฮามาส

อิสราเอลต้องปิดฉากสงครามระหว่างพวกเขากับฮามาสในช่วงสิ้นปีนี้ ไม่อย่างนั้นอาจเสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากวอชิงตัน ในปฏิบัติการรุกรานฉนวนกาซา ตามรายงานของดิ อีโคโนมิสต์ สื่อมวลชนอังกฤษอ้างอิงแหล่งข่าวที่รับรู้เกี่ยวกับการพูดคุยทางการทูตระหว่างพันธมิตรทั้ง 2

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นท่ามกลางเสียงประณามของนานาชาติต่อปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล ที่หนักหน่วงและต่อเนื่องมานานกว่า 9 สัปดาห์ ในฉนวนที่มีผู้คนพักอาศัยอยู่หนาแน่นแห่งนี้

พวกผู้นำโลกหลายคนส่งเสียงแสดงความกังวลแบบเดียวกับองค์กรความช่วยเหลือต่างๆ เกี่ยวกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายเรื่อยๆ ในฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อม ในขณะที่ดินแดนแห่งนี้โดนอิสราเอลทิ้งบอมบ์ถล่มอย่างหนัก แก้แค้นกรณีที่พวกนักรบฮามาสโจมตีนองเลือดข้ามชายแดนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,200 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 240 คน

วอชิงตันประกาศตนยืนหยัดสนับสนุนอิสราเอลมาตลอด อย่างไรก็ตาม จากสัญญาณล่าสุดดูเหมือนว่าความอดทนของวอชิงตันต่อปฏิบัติการจู่โจมนองเลือดของอิสราเอลเริ่มลดน้อยลงทุกขณะ ในขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ เปิดผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตในกาซาพุ่งเฉียดใกล้ 18,000 รายแล้ว ในนั้นส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

ดิ อีโคโนมิสต์ รายงานอ้างแหล่งข่าวไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุว่า แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ส่งเสียงเตือนอย่างลับๆ ระหว่างเดินทางเยือนอิสราเอลเมื่อเร็วๆ นี้ ให้อิสราเอลปิดฉากสงครามภายในสิ้นปี หรือไม่อย่างนั้นก็อาจสูญเสียแรงสนับสนุนจากอเมริกา

ต่อหน้าสาธารณะแล้ว รัฐบาลทั้ง 2 ชาติไม่ได้พาดพิงถึงเส้นตายใดๆ สำหรับการยุติปฏิบัติการรุกรานทางทหาร โดย บลิงเคน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นในวันอาทิตย์ (10 ธ.ค.) ว่าระยะเวลาของสงคราม "จะเป็นสิ่งที่ทางอิสราเอลเป็นผู้ตัดสินใจ" อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้ยอมรับว่ามีการหารือกับเจ้าหน้าที่อิสราเอลเกี่ยวกับแนวทางที่ประเทศแห่งนี้จะดำเนินการไปจนถึงที่สุดกับพวกฮามาส

บลิงเคน อ้างว่าอิสราเอลมีความตั้งใจก่อความสูญเสียแก่พลเรือนให้น้อยที่สุด แต่ยอมรับว่าผลลัพธ์ไม่สะท้อนถึงความตั้งใจดังกล่าวเสมอไป

รายงานของดิ อีโคโนมิสต์ ระบุว่ารัฐบาลของไบเดน เรียกร้องรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ลดความทุกข์ทรมานของประชาชนชาวปาเลสไตน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางใต้ของกาซา ทั้งนี้ พลเรือนผู้ไร้ถิ่นฐานจำนวนมากไหลบ่าไปแออัดกันในทางใต้ของฉนวนแห่งนี้ ทำให้ระบบสุขาธิบาลเกือบอยู่ในภาวะพังครืน โหมกระพือกังวลเกี่ยวกับโรคระบาด

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ เป็นเพียงชาติสมาชิกเดียวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ใช้สิทธิวีโต้มติฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งนี้ ที่เรียกร้องหยุดยิงฉุกเฉินในกาซา ความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าเป็นสิ่งเน้นย้ำว่าวอชิงตันยังคงให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขัน แม้อิสราเอลต้องเผชิญกับเสียงประณามของนานาชาติ ในขณะที่อีกชาติพันธมิตรอย่างสหราชอาณาจักร งดออกเสียง

นอกจากนี้ เมื่อไม่นานที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังอนุมัติจัดหากระสุนรถถัง 120 มม. จำนวน 14,000 นัดแก่อิสราเอล ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกระสุนหลักๆ ที่กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลใช้ในฉนวนกาซา

(ที่มา : อีโคโนมิสต์/อาร์ทีนิวส์)