ชาวกาซาพากันหาทางหลบภัยตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่ยังไม่ถูกทิ้งระเบิดถล่ม ท่ามกลางคำประกาศกร้าวของอิสราเอลที่จะ "เดินหน้าหนักหน่วงขึ้น" ในการทำสงครามกับพวกฮามาสในวันเสาร์ (9 ธ.ค.) หนึ่งวันหลังจากสหรัฐฯ ขัดขวางมติเรียกร้องหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมในกาซา ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
กลุ่มความช่วยเหลือทั้งหลายบอกว่ากาซากำลังเผชิญกับสถานการณ์วันสิ้นโลกด้านมนุษยธรรม และอยู่บนขอบเหวของหายนะจากทั้งปัญหาโรคภัย และความอดอยาก
จากตัวเลขล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขกาซา มีอย่างน้อย 17,700 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก เสียชีวิตในช่วงเวลาการสู้รบ 2 เดือนในฉนวนแคบๆ แห่งนี้
วอชิงตัน ใช้สิทธิวีโต้มติหนึ่งของสหประชาชาติ ที่เรียกร้องข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามจากองค์การปาเลสไตน์และฮามาส เช่นเดียวกับกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย
อย่างไรก็ตาม เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวิดีโอหนึ่ง ระบุว่า "ผมรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมากต่อจุดยืนที่ถูกต้องของสหรัฐฯ และขอประกาศเดินหน้าสงครามของเราในการกำจัดฮามาส"
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายหนึ่งรายงานว่า ชาวกาซาหลายพันคน กำลังเข้าไปหลบภัยในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ในกาซา ซิตี ซึ่งไม่ได้เปิดปฏิบัติการอีกต่อไปแล้ว และบางส่วนถูกทำลาย หลังจากโดนอิสราเอลบุกจู่โจมเมื่อเดือนก่อน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฮามาส เปิดเผยว่าแค่ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีร่างไร้วิญญาณ 71 ราย ถูกส่งมาถึงโรงพยาบาลลอัล-อักซอ มาร์ไทร์ส ในเขตดาอีร์ อัล-บาลาห์ เพียงแห่งเดียว และอีก 62 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลนาสเซอร์ ในเมืองข่านยูนิส ทางใต้ของกาซา
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายหนึ่งที่อยู่ในโรงพยาบาลนาสเซอร์ รายงานว่า พบเห็นเด็กคนหนึ่งอยู่บนเปลหามแบบชั่วคราวและคนอื่นๆกำลังนอนรอการรักษาอยู่บนพื้น ขณะเดียวกัน พวกนักดับเพลิงที่อยู่ภายนอกก็พยายามดับไฟที่ลุกไหม้ทำลายอาคารบางส่วน อันมีต้นตอจากการโจมตีของอิสราเอล
อเล็กซานดรา ซาเอห์ จากองค์กรช่วยเหลือเด็กนานาชาติ "เซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save the Children)" เปิดเผยว่าพวกเด็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ ต้องเข้ารับการตัดแขนตัดขาโดยไม่มีการใช้ยาสลบใดๆ "สถานการณ์ไม่ใช่แค่หายนะ แต่มันคือวันสิ้นโลก"
อิสราเอล ประกาศกำจัดฮามาส ตามหลังนักรบกลุ่มนี้ก่อเหตุโจมตีเล่นงานอิสราเอลอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,200 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 240 คน ซึ่งในนั้นยังเหลืออีก 138 คนที่อยู่ภายใต้การควบคุมตัว
นายพลเฮอร์ซี อาเลวี ผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอล ระบุว่า พวกเขามีความจำเป็นต้อง "เดินหน้ากดดันหนักหน่วงขึ้น" ในยุทธการกาซา "เรากำลังเห็นก่อการร้ายถูกสังหารมากขึ้นๆ พวกก่อการร้ายได้รับบาดเจ็บมากขึ้นๆ และไม่กี่วันที่ผ่านมา เรากำลังเห็นพวกก่อการร้ายยอมจำนน นี่คือสัญญาณว่าเครือข่ายของพวกเขาถูกฉีกเป็นชิ้นๆ" เขากล่าว ณ พิธีหนึ่งในเยรูซาเลม
ในเทลอาวีฟ ชาวอิสราเอลบางส่วนจัดชุมนุมสนับสนุนสันติภาพ ส่วนอื่นๆ เรียกร้องให้พาตัวประกันกลับบ้าน
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแบบที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก ขอให้ลงมติในวันศุกร์ (8 ธ.ค.) สนับสนุนการหยุดยิง โดยบอกว่า "ประชาชนชาวกาซากำลังดูเหมือนตกอยู่ในนรกอเวจี"
อย่างไรก็ตาม มติดังกล่าวถูกวีโต้โดยสหรัฐฯ ซึ่ง โรเบิร์ต วู้ด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ บอกว่ามันเป็นมติที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง และจะเปิดโอกาสให้ฮามาสยังอยู่รอด พร้อมกับสามารถก่อเหตุซ้ำรอยแบบเดียวกับที่ลงมือเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
อีไล โคเฮน รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ระบุว่าการหยุดยิงจะช่วยปกป้องฮามาส "ซึ่งก่ออาชญากรรมสงครามและก่ออาชญากรรมกับมนุษยชาติ และจะช่วยให้พวกนักรบกลุ่มนี้เดินหน้าปกครองฉนวนกาซาต่อไป"
อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ บอกว่า "สหรัฐฯ ต้องรับผิดชอบต่อเหตุนองเลือดของเด็กๆ ชาวปาเลสไตน์ เช่นเดียวกับผู้หญิงและคนชรา" ตามหลังการใช้สิทธิวีโต้ดังกล่าว
เอวริล เบอนัวต์ หัวหน้ากลุ่มการกุศล "องค์การแพทย์ไร้พรมแดน" ให้คำจำกัดความการวีโต้ของสหรัฐฯ ว่าสวนทางอย่างรุนแรงต่อค่านิยมความเป็นมืออาชีพที่พวกเขายึดถือ
อิหร่าน ซึ่งสนับสนุนฮามาส เตือนว่ามันอาจนำมาซึ่งการปะทุระเบิดที่ไม่อาจควบคุมได้ในสถานการณ์ของภูมิภาค ส่วนประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี ประณามองค์กรของสหประชาชาติว่าเป็นคณะมนตรีเพื่อการปกป้องอิสราเอล
คาดหมายว่ามีประชากร 1.9 ล้านคนจากทั้งหมด 2.4 ล้านคนของกาซา ต้องไร้ถิ่นฐาน ในขณะที่การปิดกั้นสกัดการเดินทางออกจากฉนวนแคบๆ แห่งนี้ ได้ทำให้เมืองราฟา ใกล้จุดผ่านแดนติดกับอียิปต์ กลายเป็นค่ายลี้ภัยอันกว้างขวางใหญ่โต
กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่าพวกเขาสูญเสียทหารไปแล้ว 93 นายในปฏิบัติการครั้งนี้ ขณะเดียวกัน มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมอีก 2 นาย ในความพยายามช่วยเหลือตัวประกันแต่ล้มเหลวในค่ำคืนวันพฤหัสบดี (7 ธ.ค.)
ท่ามกลางปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและทางทะเล รวมถึงการสู้รบทางภาคพื้น กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่าทหารของพวกเขาพบอาวุธในโรงเรียนแห่งหนึ่งในกาซา ซิตี และมีการใช้อาวุธยิงออกมาจากโรงเรียนแห่งหนึ่งภายใต้การดูแลของสหประชาชาติและมัสยิด
กลุ่มติดอาวุธของพวกฮามาส ระบุว่าพวกเขายิงจรวดเข้าใส่เมืองเรอิม ทางใต้ของอิสราเอล จุดที่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมงานเทศกาลดนตรีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไป 364 ราย
มีความกังวลว่าความขัดแย้งจะลุกลามไปทั่วภูมิภาค ท่ามกลางการปะทะกันเป็นประจำระหว่างอิสราเอลกับขบวนการฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่าพวกเขาได้ทำการโจมตีแก้แค้นในวันเสาร์ (9 ธ.ค.) หลังมีการยิงออกมาจากเลบานอน ในนั้นรวมถึงจากเครื่องบินขับไล่
นอกจากนี้ ความขัดแย้งยังโหมกระพือขึ้นในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง ดินแดนที่กองทัพเปิดเผยว่าได้จับกุมผู้คนไป 2,200 ราย ในนั้น 1,800 คน เป็นสมาชิกกลุ่มฮามาส นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสเริ่มต้นขึ้น
(ที่มา : เอเอฟพี)