ทำเนียบขาวแสดงความกังวลในวันจันทร์ (11 ธ.ค.) ต่อรายงานข่าวที่ว่าอิสราเอลใช้ฟอสฟอรัสขาวที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ในโจมตีใส่เลบานอน พร้อมระบุกำลังควานหารายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างนี้
วอชิงตันกล่าวหาอิสราเอลใช้อาวุธที่ทำให้เกิดการลุกไหม้ชนิดนี้เมือเดือนตุลาคม ขณะที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานในวันจันทร์ (11 ธ.ค.) ว่าผลการวิเคราะห์เศษกระสุนปืนใหญ่จากการโจมตีหนึ่ง พบว่ากระสุนเหล่านี้ผลิตโดยสหรัฐฯ
"เราเห็นรายงานข่าวแล้ว แน่นอนว่าเรามีความกังวลเกี่ยวกับสิ่งนั้น เราจะถามคำถามในความพยายามควานหาทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ เพิ่มเติม" จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าว
การใช้ฟอสฟอรัสขาวในฐานะอาวุธเคมี เป็นสิ่งต้องถามภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ แต่มันได้รับอนุญาตให้ใช้สำหรับให้ความสว่างแก่สมรภูมิรบและสามารถใช้เป็นม่านควัน
"แน่นอนว่าทุกครั้งที่เรามอบสิ่งของต่างๆ อย่างเช่นฟอสฟอรัสขาวแก่กองทัพอื่นๆ มันจะอยู่ในความคาดหมายอย่างสูงว่าอาวุธและยุทโธปกรณ์เหล่านี้จะถูกใช้งานตามกรอบวัตถุประสงค์ตามกฎหมายและตามหลักของกฎความขัดแย้งติดอาวุธ" เคอร์บี กล่าว
วอชิงตันโพสต์รายงานว่ามีพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 9 คน ในเหตุอิสราเอลโจมตีใส่ทางใต้ของเลบานอน โดยใช้อาวุธที่ดูเหมือนว่าจะเป็นฟอสฟอรัสขาวที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ
ผู้สื่อข่าวรายหนึ่งที่ทำงานให้หนังสือพิมพ์แห่งนี้ พบเศษกระสุนปืนใหญ่ที่มีหมายเลขประจำตัวผลิตภัณฑ์ (serial numbers) แสดงให้เห็นว่าพวกมันผลิตในสหรัฐฯ ระหว่างปี 1989 ถึง 1992
เลบานอนระบุเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม อิสราเอลใช้อาวุธดังกล่าวโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่ามกลางความตึงเครียด ตามหลังเหตุนักรบฮามาสจากฉนวนกาซาบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เผาผลาญต้นมะกอกโอลีฟไปราว 40,000 ต้น
สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขัน แต่ขณะเดียวกันก็พยายามสกัดไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายไปทั่วภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งลามสู่เลบานอน ดินแดนที่เป็นแหล่งกบดานของกลุ่มนักรบอิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
เคอร์บีกล่าวว่า "ในบริบทดังกล่าว เรามีความกังวลต่อรายงานข่าวนี้ เกี่ยวกับการใช้ฟอสฟอรัสขาว"
ด้าน แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเสริมว่า อเมริกากำลังมองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำกล่าวหานี้ "ทุกครั้งที่เราเห็นมีการใช้ฟอสฟอรัสขาวในแนวทางหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อพลเรือน แน่นอนว่า มันเป็นบางอย่างที่เรามีความกังวล"
(ที่มา : เอเอฟพี)
