โดนาเทลลา โรเวรา ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการรับมือภาวะวิกฤตของแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ผลการสืบสวน 4 เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 10, 11, 16 และ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งในฉนวนกาซาและเลบานอน พบว่าอิสราเอลใช้ "ฟอสฟอรัสขาว" เป็นอาวุธในพื้นที่ชุมชน
"เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ก่อความกังวลอย่างยิ่ง สืบเนื่องจากฟอสฟอรัสขาวเคยถูกใช้โดยกองกำลังอิสราเอลในอดีต ซึ่งก่อผลกระทบเลวร้ายแก่ประชากรที่เป็นพลเรือน" โรเวราระบุ "มันเป็นอย่างที่ไม่ควรใช้ในพื้นที่ที่มีพลเรือน มันไม่ใช่อาวุธต้องห้าม มันสามารถใช้ในสมรภูมิและกับกองกำลังต่างๆ สามารถใช้มันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่มันไม่ควรถูกใช้ในที่ที่มีพลเรือน" เธอบอกกับอัลจาซีราห์ "เราพบเห็นมีการใช้มันในกาซาและเลบานอน และมันไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำอีก"
ก่อนหน้านี้ แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลหรือองค์การนิรโทษกรรมสากล เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (31 ต.ค.) ว่ามีพลเรือนในทางภาคใต้ของเลบานอน ได้รับบาดเจ็บในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา หลังกองทัพอิสราเอลใช้กระสุนปืนใหญ่ที่บรรจุฟอสฟอรัส กระสุนอันเป็นที่ถกเถียง ยิงเข้าใส่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ตามแนวชายแดน
องค์กรแห่งนี้เปิดเผยว่าด้วยว่า ยังได้ทำการสืบสวนตรวจสอบกรณีตัวอย่างอื่นๆ ของความเป็นไปได้ที่กองทัพอิสราเอลทิ้งระเบิดฟอสฟอรัสขาวใส่พื้นที่ต่างๆ ตามแนวชายแดนเลบานอนในเดือนที่แล้ว แต่นิรโทษกรรมสากลบอกว่าในกรณีเหล่านั้นไม่พบว่ามันก่ออัตรายแก่พลเรือน
พวกทนายความด้านสิทธิมนุษยชน บอกว่า การใช้ฟอสฟอรัสขาวเป็นเรื่องผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ หากว่ามีการใช้สารเคมีร้อนสีขาวชนิดนี้ยิงเข้าสู่พื้นที่ชุมนุม มันสามารถทำให้อาคารต่างๆ ไฟลุกไหม้และเผาไหม้ผิวหนังมนุษย์เหลือแต่กระดูก นอกจากนี้ พวกผู้รอดชีวิตก็อาจเสี่ยงติดเชื้อ อวัยวะหรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลว แม้ว่าถูกเผาไหม้เพียงแค่จุดเล็กๆ ก็ตาม
หลังจากอิสราเอลโจมตีหมู่บ้านดูไฮรา เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ทำบ้านเรือนและรถเกิดไฟลุกไหม้ มีพลเรือน 9 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ในอาการหายใจติดขัด องค์กรนิรโทษกรรมสากลระบุว่า พวกเขามีภาพถ่ายที่ผ่านการยืนยันความถูกต้องแล้ว เป็นภาพที่กระสุนฟอสฟอรัสถูกวางเรียงอยู่ใกล้กับปืนใหญ่ของอิสราเอล ใกล้แนวชายแดนเลบานอน-อิสราเอล
องค์การนิรโทษกรรมสากลประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็นการ "โจมตีแบบไม่เลือกหน้า" ที่ทำร้ายพลเรือน และควรถูกสืบสวนตามข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงคราม
(ที่มา : เอพี/อัลจาซีราห์)