ซาอุดีฯประกาศศักดา ทุ่มเต็มที่ให้ “ริยาด”คว้าสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงาน “เวิลด์ เอ็กซ์โป 2030” ชนิดกวาดคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง “โรม” และ “ปูซาน” แบบไม่เห็นฝุ่น อีกทั้งยังเอาชนะเสียงคัดค้านจากนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนสำเร็จ หลังเดินเกมล็อบบี้เข้มตลอดปี ด้าน“อิตาลี”ออกอาการเคือง
งานนิทรรศการ “เวิลด์ เอ็กซ์โป” ที่มีประวัติสืบสาวต่อเนื่องไปได้ถึงงานเกรท เอ็กซิบิชันที่ลอนดอนปี 1851 และเอ็กซ์โปซิชัน ยูนิเวอร์แซลที่ปารีสปี 1889 ซึ่งมีการสร้างหอไอเฟลขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของงาน ปัจจุบันยังคงเป็นงานแสดงนิทรรศการยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก โดยแต่ละครั้งจัดกันยาวนานหลายเดือนและดึงดูดผู้เยี่ยมชมได้หลายล้านคน
สำหรับการคว้าสิทธิ์ในการจัดงานขึ้นในปี 2030 นี้ เห็นกันว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับซาอุดีอาระเบีย และผู้ปกครองในทางพฤตินัยของราชอาณาจักรรุ่มรวยด้วยน้ำมันแห่งนี้ นั่นคือ องค์มกุฎราชกุมาร เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (หรือที่รู้จักกันแพร่หลายในพระนามย่อว่า เอ็มบีเอส) ด้วยความประสงค์ที่จะใช้ เวิลด์ เอ็กซ์โป อวดศักยภาพของซาอุดีฯแก่ชาวโลก
โดยเฉพาะปี 2030 ยังมีความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์อย่างใหญ่หลวงเป็นพิเศษ เนื่องจากสอดคล้องกับหมุดหมายสำคัญในโครงการ “วิสัยทัศน์ 2030” (วิชั่น 2030) ของเอ็มบีเอส ซึ่งมุ่งมั่นที่จะแตกแขนงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของซาอุดีฯให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น
สำนักข่าวของทางการซาอุดีฯรายงานโดยอ้างพระราชดำรัสของเจ้าชายมกุฎราชกุมารที่ว่า การที่ซาอุดีอาระเบียได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ระดับระหว่างประเทศเช่นนี้ ตอกย้ำอิทธิพลและบทบาทของประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นที่ได้รับจากนานาชาติ
ไม่เพียงเท่านั้น ซาอุดีฯยังมีโอกาสดีมากที่จะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2034 หลังจากปรากฏว่าเป็นผู้สมัครขอจัดงานเพียงชาติเดียวเท่านั้น ขณะที่ปัจจุบันก็เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหลายรายการอยู่แล้ว ทั้งการแข่งรถ กอล์ฟ และอื่นๆ
องค์การนิทรรศการนานาชาติ (บีไออี) ซึ่งตั้งอยู่ในปารีส และเป็นผู้ดำเนินการจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป แถลงในวันอังคาร (28) ว่า ในการโหวตรอบแรก ริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย ก็กวาดคะแนนได้ถึง 119 คะแนน นั่นคืออยู่ในระดับสองในสามแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องลงคะแนนรอบสองอีก ขณะที่คู่แข่งขัน คือ เมืองปูซานของเกาหลีใต้ได้ 29 คะแนน และกรุงโรมของอิตาลีได้ 17 คะแนน
ก่อนการลงคะแนน แคนดิเดตทั้งสามพยายามระดมหาตัวช่วยเรียกคะแนนเสียง โดยเกาหลีใต้ส่ง บัน คีมุน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ เป็นผู้กล่าวสนับสนุน ส่วนอิตาลีเผยแพร่วิดีโอการพูดสนับสนุนของ ยานนิก ซินเนอร์ นักเทนนิสที่เป็นกำลังสำคัญทำให้อิตาลีแคว้าแชมป์เดวิสคัพมาได้หมาดๆ ขณะที่ซาอุดีฯ เปิดวิดีโอคริสเตียโน โรนัลโด ที่ปัจจุบันเล่นให้ทีมอัล-นัสเซอร์ในซาอุดีอาระเบีย ที่กล่าวข้อความว่า “ริยาดเป็นเมืองที่น่าทึ่งและพร้อมให้การต้อนรับทุกคน”
ริยาด เอ็กซ์โป มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างเดือนตุลาคม 2030 ถึงเดือนมีนาคม 2031 ภายใต้ธีม “ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง: ร่วมมือกันเพื่อวันพรุ่งนี้ที่คาดการณ์ได้”
ทว่า ชัยชนะของริยาดครั้งนี้ก็ทำให้กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายแห่งแสดงความผิดหวัง โดยโจมตีว่า แผนการปฏิรูปเลิศหรูของเอ็มบีเอสปิดบังความจริงที่ว่า ผู้ต่อต้านรัฐบาลซาอุดีฯ มักถูกจับขังคุกและประหาร
สัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มต่างๆ เช่น มีนา ไรต์ กรุ๊ป และฟรีดอม เฮาส์ เขียนจดหมายเปิดผนึกระบุว่า การเลือกริยาดจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป เท่ากับว่า นานาชาติยอมรับการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานและการจำกัดเสรีภาพของรัฐบาลซาอุดีฯ
จากข้อมูลขององค์การนิรโทษกรรม ซาอุดีฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการประหารชีวิตนักโทษมากที่สุดนั้น ประหารชีวิตนักโทษ 112 คนระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคมปีนี้
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เป็นผู้หนึ่งที่ให้การสนับสนุนริยาด นับจากที่ได้หารือกับมกุฎราชกุมารซาอุดีฯ ที่ปารีสช่วงกลางปีที่แล้ว เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่อิตาลีที่เป็นทั้งเพื่อนบ้านของฝรั่งเศสและเป็นเพื่อนรัฐสมาชิกในสหภาพยุโรป
ชัยชนะท่วมท้นเกินคาดของริยาดคราวนี้ ได้สร้างความขุ่นเคืองให้กับจิอัมเปียโร มาสโซโล นักการทูตและผู้นำทีมของอิตาลี ที่แถลงโจมตีว่า การแข่งขันนี้ไม่ได้เอาชนะกันด้วยเนื้อหาอีกต่อไป แต่เป็นแนวทางพาณิชย์นิยม
(ที่มา: เอเอฟพี)