xs
xsm
sm
md
lg

ซัดกันเองเละเทะแล้ว!? ส.ส.อาวุโสพรรคเซเลนสกีกล่าวหาผู้นำกองทัพยูเครนเน้นเกณฑ์ทหารใหม่ทุกเดือน แต่ไร้แผนยุทธศาสตร์สู้รัสเซียปีหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ภาพจากแฟ้ม) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี (ที่ 2 จากขวา) กับ พล.อ.วาเลรี ซาลุจนี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครน (ที่ 2 จากซ้าย) ที่ในช่วงหลังๆ นี้มีข่าวว่าระหองระแหงกันหนักขึ้นเรื่อยๆ
มาเรียนา เบซูกลายา รองประธานกรรมาธิการความมั่นคง กลาโหม และข่าวกรองของรัฐสภายูเครน โพสต์บนเฟซบุ๊กเมื่อวันอาทิตย์ (26 พ.ย.) ว่า พล.อ.วาเลรี ซาลุจนี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครนไม่สามารถจัดทำแผนยุทธศาสตร์สำหรับปี 2024 ไม่มีแนวคิดว่าการสู้รบขัดแย้งนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร รวมทั้งไม่มีแผนสำหรับการทำสงครามอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ สงครามสมมาตร หรืออสมมาตร

สมาชิกรัฐสภาระดับอาวุโสผู้นี้เสริมว่า จุดยืนดังกล่าวของผู้นำทางทหารเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการวางแผนงบประมาณสำหรับปีหน้าของบรรดาสมาชิกรัฐสภา และปัญหาเหล่านี้ปะทุลุกลามทั้งในสภาและศูนย์บัญชาการของกองทัพอย่างน้อยตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา

ในช่วงเวลาดังกล่าวกองทัพยูเครนกำลังอยู่ระหว่างปฏิบัติการตอบโต้ใหญ่ที่เริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ทว่า ปฏิบัติการดังกล่าวล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ โดยกองทัพเคียฟไม่สามารถชิงดินแดนคืนได้เป็นชิ้นเป็นอัน แถมยังสูญเสียหนักทั้งด้านกำลังพลและอาวุธ ซึ่งรวมถึงอาวุธที่ได้รับจากตะวันตกอย่างรถถังและรถรบทหารราบ

จากข้อมูลของเบซูกลายานั้น ซาลุจนีและผู้บัญชาการระดับสูงคนอื่นๆ ไม่สามารถนำเสนอแผนการโดยละเอียดเกี่ยวกับการฝึกทหารและการสับเปลี่ยนกำลังพลในอนาคต หรืองบประมาณสำหรับกองพลน้อยที่มีแผนจะตั้งขึ้นใหม่ แต่กองทัพกลับแจ้งเพียงว่า ต้องการเกณฑ์ทหารเพิ่มเดือนละไม่ต่ำกว่า 20,000 นาย

เบซูกลายาซึ่งเป็นสมาชิกของพรรคผู้รับใช้ประชาชน (Servant of the People) ของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี สำทับว่า ถ้าผู้นำกองทัพไม่สามารถนำเสนอแผนสำหรับปี 2024 และข้อเสนอระดมพลทั้งหมดสรุปได้เพียงการเกณฑ์ทหารเพิ่มโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงระบบในกองทัพ ผู้นำกองทัพสมควรลาออก

ทั้งนี้ กลุ่มต่างๆ ในพรรคของเซเลนสกีปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโพสต์ของเบซูกลายา

อนึ่ง ต้นเดือนนี้ ซาลุจนียอมรับระหว่างให้สัมภาษณ์กับนิตยสารดิ อิโคโนมิสต์ว่า สถานการณ์ในสนามรบเวลานี้มีลักษณที่สองฝ่ายตรึงกันจนเกิดภาวะชะงักงัน แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งรัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบในสงครามแบบนี้ เพราะมีความเหนือกว่าทั้งด้านกำลังพลสำรองและอาวุธยุทโธปกรณ์

ทว่า ในเวลาต่อมา เซเลนสกีได้ปฏิเสธการประเมินสถานการณ์ดังกล่าว และเตือนผู้นำกองทัพไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงต่อความสามัคคีของประเทศ

ต้นสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย (เอสวีอาร์) รายงานว่า พันธมิตรตะวันตกสนับสนุนให้เคียฟเพิ่มความพยายามในการเกณฑ์ผู้สูงวัย วัยรุ่น และผู้หญิงเข้าเป็นทหาร เพื่อทดแทนกำลังพลจำนวนมากที่สูญเสียไปในปฏิบัติการตอบโต้ใหญ่ที่ล้มเหลวในช่วงฤดูร้อน

สำหรับสถานการณ์การรบในเวลานี้ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าปักหลักอยู่รอบเมืองอัฟดิอิฟกา ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นฮับอุตสาหกรรมและเป็นสัญลักษณ์การต่อต้านของยูเครน โดยที่ตอนนี้ดูเหมือนเมืองนี้ถูกกองกำลังรัสเซียปิดล้อมเกือบทั้งเมืองแล้ว โดยหากอัฟดิอิฟกาแตกจะถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของเคียฟ

ขณะเดียวกัน เมื่อวันอาทิตย์ รัสเซียเผยว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของฝ่ายตนได้ทำลายโดรนยูเครนที่ส่งเข้ามาโจมตีในพื้นที่รวม 5 แคว้นของรัสเซีย โดยรวมถึงเขตมอสโกด้วย นอกจากนั้น ยูเครนยังยิงขีปนาวุธ 2 ลูก เหนือทะเลอาซอฟที่มีเป้าหมายโจมตีในดินแดนรัสเซีย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ (25 ) ยูเครนระบุว่า รัสเซียส่งโดรนชาเฮดของอิหร่าน 75 ลำ ส่วนใหญ่มุ่งหน้าโจมตีกรุงเคียฟ ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดนับจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานเมื่อต้นปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ยูเครนสามารถสกัดโดรนเหล่านั้นได้ถึง 71 ลำ

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, อาร์ที)
กำลังโหลดความคิดเห็น