xs
xsm
sm
md
lg

‘ซัมมิตไบเดน-สีจิ้นผิง’ ชื่นมื่น ตกลงฟื้น ‘สื่อสารฮอตไลน์ทางทหาร’ เพื่อป้องกันเข้าใจผิด แม้จบไม่ค่อยสวยเพราะประมุขมะกันยังปากเปราะ เหน็บผู้นำจีนเป็น ‘เผด็จการ’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ตกลงกันเมื่อวันพุธ (16 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐฯ หรือตรงกับเช้าวันนี้ (17) เวลาเมืองไทย ที่จะฟื้นฟูการติดต่อสื่อสารทางทหารระหว่างสองประเทศ ในการประชุมซัมมิตครั้งแรกของผู้นำทั้งสองในรอบระยะเวลา 1 ปี ถึงแม้ไบเดนพูดจาออกนอกสคริปต์ด้วยการบอกว่า เขายังคงมีความเห็นว่า สี เป็น “ผู้เผด็จการ”

ผู้นำทั้งสองจับมือกันและออกเดินเล่นด้วยกันในสวน ณ คฤหาสน์ทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่นอกเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างช่วงการเจรจากันนาน 4 ชั่วโมง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ความตึงเครียดซึ่งกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างอภิมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 1 และ 2 ของโลกสองรายนี้ บานปลายจนอาจกลายเป็นการสู้รบขัดแย้งกัน

ทั้งคู่ยังเห็นพ้องกันว่า จีนจะช่วยเหลือในการปราบปรามการผลิตสารประกอบต่างๆ สำหรับใช้ทำเฟนตานิล –ยาระงับปวดในกลุ่มโอปิออยด์ที่ถูกนำไปใช้ในทางมิชอบในสหรัฐฯ จนกลายเป็นปัญหาด้านยาเสพติดที่ใหญ่โตและร้ายแรงถึงชีวิตในแดนลุงแซมเวลานี้

แต่ สี และ ไบเดน ยังคงมีความคิดเห็นที่ห่างไกลกันในประเด็นซึ่งเป็นจุดร้อนแรงเสี่ยงต่อการปะทุตัวยิ่งกว่านักหนาอย่างเรื่องไต้หวัน โดยที่ประธานาธิบดีจีนบอกกับผู้นำสหรัฐฯยุติการจัดส่งอาวุธให้เกาะแห่งนี้ พร้อมกับยืนยันว่าการนำเอาไต้หวันมารวมเข้ากับจีนแผ่นดินใหญ่เป็นสิ่งที่ “ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้”

ปักกิ่งนั้นประกาศอ้างอธิปไตยเหนือเกาะแห่งนี้ รวมทั้งระบุด้วยว่าหากจำเป็นก็จะใช้กำลังบุกเข้ายึด ขณะที่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ไต้หวันมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจากที่เคยเป็นฐานของพวกก๊กมิ่นตั๋งซึ่งหลบหนีออกมาจากแผ่นดินใหญ่ภายหลังพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองแก่พรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ยังคงอ้างตนเป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวของประเทศจีนทั้งหมด และได้หันมาเป็นดินแดนที่ปกครองแบบประชาธิปไตยตะวันตกในปัจจุบัน ภายใต้การสนับสนุนอย่างแข็งขันจากวอชิงตัน ถึงแม้สหรัฐฯ ได้ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการว่า จีนมี “จีนเดียว” นั่นคือสาธารณรัฐประชาชนจีน

ไบเดน กับ สี นั้นไม่ได้พบปะกันแบบตัวเป็นๆ เลยนับตั้งแต่ที่พวกเขาจัดการเจรจาหารือขึ้นที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย ในเดือนพฤศจิกายน 2022 และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากสหรัฐฯยิงบัลลูนจีนที่ลอยเหนือสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ปักกิ่งยืนยันว่าบัลลูนดังกล่าวเป็นบัลลูนตรวจอากาศที่ถูกกระแสลมพัดเปลี่ยนทิศทางอย่างควบคุมไม่ได้ ขณะที่วอชิงตันตอนแรกๆ โหมประโคมว่าเป็นบัลลูนสปายมุ่งสืบความลับ ทว่าเพนตากอนแถลงเงียบๆ ในภายหลังว่าผลการตรวจสอบซากบัลลูนชี้ว่ามันไม่ได้มีการเก็บข้อมูลลับใดๆ

ระหว่างการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ณ คฤหาสน์ฟิโลลี ในแคลิฟอร์เนีย เกี่ยวกับการเจรจาคราวนี้ของเขากับสี ซึ่งเขาได้รู้จักคุ้นเคยมาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว ไบเดนบอกว่า นี่เป็น “ส่วนหนึ่งของการเจรจาหารือกันอย่างสร้างสรรค์ที่สุดและบังเกิดผลที่สุดเท่าที่พวกเราได้เคยหารือกันมา”


“เขาเป็นผู้เผด็จการคนหนึ่ง”

เขาบอกด้วยว่า สหรัฐฯ จะแข่งขัน “อย่างคึกคัก” แต่ก็กระทำ “อย่างมีความรับผิดชอบ” กับจีนซึ่งมีท่าทียืนกรานมั่นใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “เพื่อที่มันจะไม่หันเหลงไปในการสู้รบขัดแย้งกัน หรือการสู้รบขัดแย้งกันโดยอุบัติเหตุ”

“เขากับผมตกลงกันว่า พวกเราแต่ละคนสามารถที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อพูดจากันได้โดยตรง และเราจะได้ยินกันในทันทีทันควัน” ไบเดนกล่าวต่อ

เรื่องที่ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องร่วมกันได้อีกเรื่องหนึ่ง ได้แก่ ความเคลื่อนไหวเพื่อฟื้นฟูการติดต่อสื่อสารระดับสูงระหว่างฝ่ายทหารกับฝ่ายทหารของสหรัฐฯ-จีนขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ปักกิ่งประกาศตัดขาดไปภายหลัง แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในตอนนั้นเดินทางไปเยือนไต้หวันเมื่อปี 2022 ทั้งนี้ ไบเดนย้ำว่า เรื่องนี้ “มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด” สำหรับการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสู้รบขัดแย้งกันขึ้นมา

นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายยังเห็นชอบร่วมกันให้จัดการหารือในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และเพิ่มพูนความร่วมมือกันอย่างลงลึกมากขึ้นในเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ก่อนหน้าการประชุมด้านภูมิอากาศครั้งสำคัญของโลก ที่ใช้ชื่อว่า COP28 ซึ่งกำหนดจัดที่ดูไบเดือนหน้า

อย่างไรก็ดี เวลา 1 วันของการดำเนินการทางทูตแบบที่ต้องทุ่มเทเวลาและลงแรงกันอย่างมากมายจนกระทั่งแลดูราบรื่นเป็นไปตามที่สองฝ่ายตกลงจัดวางกันไว้ กลับจบลงด้วยคำพูดที่ไม่ได้รื่นหูแบบการทูตเอาเลย ขณะที่ไบเดนก้าวเดินออกจากเวทีภายหลังการแถลงข่าวของเขา

“ครับ ก็มองดูสิ เขาเป็นนะครับ” ไบเดนกล่าวตอบเมื่อมีผู้สื่อข่าวคนหนึ่งถามแบบขอแถมท้ายว่า เขาจะยังคงพูดว่า สี เป็นผู้เผด็จการคนหนึ่งเหมือนอย่างที่เขาเคยพูดเอาไว้ในเดือนมิถุนายนหรือไม่

“ผมหมายความว่าเขาเป็นผู้เผด็จการคนหนึ่งในความหมายที่ว่า เขาเป็นคนที่กำลังบริหารประเทศๆ หนึ่ง เป็นประเทศคอมมิวนิสต์ประเทศหนึ่ง นั่นอิงอยู่กับรูปแบบของรัฐบาลที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากของเรา”

ตอนที่ไบเดนพูดเช่นนี้ครั้งก่อน ได้เรียกปฏิกิริยาตอบโต้อย่างขุ่นเคืองจากฝ่ายจีน คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เหมา หนิง โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงที่กรุงปักกิ่งในวันพฤหัสบดี (16) ว่า “คำพูดเช่นนี้ผิดพลาดอย่างสุดขีด และเป็นการมุ่งชักใยทางการเมืองอย่างไร้ความรับผิดชอบ”

เธอกล่าวต่อไปว่า “จำเป็นต้องชี้ออกมาให้เห็นกันว่า มีคนที่เจตนาร้ายซึ่งพยายามหว่านโปรยความบาดหมางและบ่อนทำลายความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯอยู่เสมอ”


“หยุดติดอาวุธให้ไต้หวัน”

สี และ ไบเดน โบกมือให้พวกผู้สื่อข่าวระหว่างที่ทั้งคู่เดินชมสวนสนทนากัน และไบเดนได้ชูนิ้วโป้งคู่ขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์เมื่อถูกถามว่าการเจรจาเป็นอย่างไรบ้าง

ผู้นำจีนได้กล่าวเตือนเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า “การหันหลังให้แก่กันและกันไม่ได้เป็นทางเลือกหนึ่ง” ที่ผู้นำทั้งสองจะสามารถเลือกนำมาใช้ได้ และกล่าวอีกว่า “พิภพโลกนั้นใหญ่เพียงพอสำหรับให้ทั้งสองประเทศประสบความสำเร็จ”

ไบเดน และ สี ยังเจรจากันเรื่องสงครามในกาซา และยูเครน ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่แต่ละประเทศพบว่าพวกเขาหนุนหลังฝ่ายตรงกันข้ามกันที่กำลังสู้รบกันอยู่

แต่หลังจากการหารือคราวนี้แล้ว สีเองก็มีถ้อยคำดุๆ สำหรับให้ไบเดนด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะในหัวข้อว่าด้วยไต้หวัน

“ฝ่ายสหรัฐฯ ควร ... ยุติการติดอาวุธให้ไต้หวัน และสนับสนุนการรวมชาติอย่างสันติของประเทศจีน” สี บอกกับไบเดน ทั้งนี้ตามบันทึกย่อรายงานการประชุมหารือที่เผยแพร่โดยทางกระทรวงการต่างประเทศจีน

“จีนจะทำให้การรวมชาติกลายเป็นความจริงขึ้นมา และนี่เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้”

ทางด้านรัสเซีย หุ้นส่วนรายหนึ่งของจีนในการรวมกลุ่มซึ่งวอชิงตันมองว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรเผด็จการที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ได้ออกมาแสดงความยินดีกับซัมมิตครั้งนี้ โดยที่ทำเนียบเครมลินพูดถึงการเจรจาหารือนี้ว่า “มีความสำคัญสำหรับทุกๆ คน”

หลังจากซัมมิตปิดฉากลง สิ่งที่ ไบเดน และสี เลือกที่จะกระทำต่อไป คือเครื่องแสดงให้เห็นว่า ทั้งคู่จัดลำดับความสำคัญอย่างไรสำหรับ “การแข่งขันกันแบบมีความรับผิดชอบ” ที่รออยู่ข้างหน้า

ไบเดนนั้นเดินทางไปกล่าวปราศรัยต้อนรับการประชุมซัมมิตกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่นครซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของการแผ่อิทธิพลพื้นที่หนึ่งสำหรับสหรัฐฯ

ขณะที่ สี ซึ่งก็เข้าร่วมซัมมิตเอเปกด้วย แต่งานใหญ่ที่ได้รับการจับตากันมากกว่าได้แก่การที่เขาเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงดินเนอร์พวกผู้บริหารธุรกิจของสหรัฐฯ ในคืนวันพุธ (15)

(ที่มา : เอเอฟพี, เอเจนซีส์)




กำลังโหลดความคิดเห็น