หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ส (Global Times) ของจีนชี้ การที่สหรัฐฯ พยายามกีดกันเทคโนโลยีจีนส่งผลให้ผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง Nvidia และบริษัทอเมริกันอื่นๆ ต้องหาวิธีเลี่ยงกฎเพื่อความอยู่รอด เข้าทำนองเล่นเกม “จับให้ได้ถ้านายแน่จริง” (catch me if you can) กับรัฐบาลวอชิงตัน และในขณะเดียวกัน ก็เป็นแรงผลักดันให้จีนยิ่งสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพึ่งพาตัวเองมากขึ้น
SemiAnalysis ซึ่งเป็นจดหมายข่าวที่ว่าด้วยอุตสาหกรรมชิป รายงานว่า Nvidia มีแผนที่จะออกชิปปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่เพื่อส่งขายตลาดจีน หลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศยกระดับคุมเข้มการส่งออกชิปเอไอขั้นสูงไปจีนแค่ไม่ถึง 1 เดือน
“ปัญหาระหว่าง Nvidia กับรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเรื่องราวของบริษัทไฮเทคที่ทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง แต่กลับถูกฝ่ายการเมืองแทรกแซงระบบการค้าเสรี และต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะพัฒนาตนเองและอยู่รอดทางธุรกิจให้ได้” โกลบอลไทม์สระบุในบทความที่เผยแพร่วันนี้ (11 พ.ย.)
“สำหรับบริษัทเชิงพาณิชย์แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องตลก และออกจะน่าเศร้าด้วยซ้ำไป”
โกลบอลไทม์สชี้ว่า การที่สหรัฐฯ ห้ามส่งออกชิปก้าวหน้ามายังจีน โดยหวังสกัดไม่ให้ปักกิ่งเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดและนำมันไปใช้ยกระดับแสนยานุภาพกองทัพ “ไม่เพียงบั่นทอนผลประโยชน์ของจีนเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายสหรัฐฯ เองอีกด้วย”
“มาตรการของสหรัฐฯ ทำให้การค้าขายที่ถูกต้องตามปกติถูกสั่นคลอนด้วยความกลัว และยังสร้างบรรยากาศตึงเครียดต่อตลาด”
Nvidia ประกาศเมื่อเดือน ต.ค. ว่า มาตรการจำกัดการส่งออกล่าสุดของสหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถส่งขายชิปเอไอขั้นสูงรุ่น A800 และ H800 ซึ่งผลิตเพื่อตอบสนองตลาดจีนในปีที่แล้วตามเงื่อนไขส่งออกเดิมได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ดี SemiAnalysis รายงานว่า Nvidia ได้พัฒนาชิปรุ่นใหม่ออกมาอีก 3 ตัว ได้แก่ HGX H20, L20 PCIe และ L2 PCIe สำหรับส่งขายตลาดจีน และคาดว่าจะมีการเปิดตัวในวันที่ 16 พ.ย.นี้ โดยชิปดังกล่าวจะยังคงมีฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดของ Nvidia ทว่าลดศักยภาพในด้านการประมวลผลลงบางส่วน
ล่าสุดทาง Nvidia เองยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานชิ้นนี้
โกลบอลไทม์ส ระบุว่า บริษัทสัญชาติอเมริกันล้วนต้องพยายามหาวิธีแก้ปัญหาเพื่อที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ
“ตราบใดที่วอชิงตันยังมุ่งมั่นที่จะบีบให้จีนหายใจไม่ออก พวกเขาก็จะต้องเล่นเกม catch me if you can กันอย่างนี้ต่อไปอย่างไม่จบสิ้น” สื่อจีนระบุ
“ในขณะเดียวกัน ช่องโหว่ที่สหรัฐฯ พยายามจะอุดก็ไม่มีทางแก้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมีแต่จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก พอบีบด้านหนึ่งก็จะไปโป่งอีกด้านหนึ่ง และแน่นอนว่ามันยังกระตุ้นให้จีนต้องเร่งคิดค้นนวัตกรรมเพื่อให้อุตสาหกรรมไฮเทคของเราสามารถพึ่งพาตนเองได้”
ที่มา : รอยเตอร์
