กระทรวงสาธารณสุขฮามาสเปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย ภายในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ในช่วงค่ำวันอังคาร (24 ต.ค.) จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซาไม่หยุดหย่อนของอิสราเอล ส่งผลให้ตลอดทั้งวันมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 700 คน สูงกว่าทุกวันก่อนหน้านี้ ในขณะที่ยอดรวมเหยื่อนับตั้งแต่ปฏิบัติการแก้แค้นของอิสราเอลเริ่มต้นขึ้น พุ่งเป็นอย่างน้อย 5,700 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 2,000 คน
"อิสราเอลขยายวงเป้าหมายของพวกเขาในพื้นที่ต่างๆ ในฉนวนกาซา สังหารผู้ทนทุกข์ทรมานไปราว 50 คน ในช่วงชั่วโมงหลังสุด" โฆษกของกระทรวงสาธารณสุขระบุในถ้อยแถลง
เมื่อวันเสาร์ (21 ต.ค.) กองทัพอิสราเอล ประกาศยกระดับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ตอบโต้เหตุจู่โจมเล่นงานอิสราเอลของพวกฮามาส เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โหมกระพือความขัดแย้ง ที่คร่าชีวิตผู้คนทั้ง 2 ฝ่ายไปแล้วหลายพันคน
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวก่อนหน้านี้ ว่า กองทัพอิสราเอลได้เล่นงานพวกฮามาสอย่างหนักหน่วงในวันจันทร์ (23 ต.ค.) กลายเป็นวันที่ก่อความสูญเสียแก่นักรบกลุ่มนี้มากที่สุด
"เราโจมตีศัตรูด้วยกำลังอันยิ่งใหญ่ เมื่อวานนี้ ในการโจมตีของเราใส่ฉนวนกาซา เราเล่นงานศัตรู ก่อความเสียหายแก่พวกเขาหนักหน่วงที่สุดในวันเดียว" เนทันยาฮู กล่าวระหว่างเดินทางไปตรวจเยี่ยมทหาร แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ
อิสราเอล ตกอยู่ในความตกตะลึงและโกรธแค้น หลังถูกพวกฮามาสจู่โจมชุมชนต่างๆ ทางใต้ของประเทศ สังหารผู้คนไปกว่า 1,400 ราย และจับตัวประกันไปมากกว่า 200 คน
ทางอิสราเอลตอบโต้ด้วการโจมตีทางอากาศและยิงปืนใหญ่ถล่มอย่างหนัก สังหารผู้คนไป 5,791 รายในกาซา จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขที่บริหารงานโดยฮามาส ฉุดดินแดนของปาเลสไตน์แห่งนี้ดำดิ่งสู่วิกฤตด้านมนุษยธรรม ท่ามกลางความคาดหมายว่า อิสราเอลจะเปิดฉากรุกรานทางภาคพื้นเข้าไปยังฉนวนกาซาเร็วๆ นี้
ฮามาส เปิดเผยว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตจากการที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศและยิงปืนใหญ่ถล่มฉนวนกาซานั้น มีเด็กรวมอยู่ด้วยมากกว่า 2,000 คน และเป็นผู้หญิงอีกราว 1,400 คน ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 700 คนในวันอังคาร (24 ต.ค.) ถือว่าสูงกว่าทุกวันที่ผ่านมา
องค์กรความช่วยเหลือต่างๆ เรียกร้องให้มีข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพบว่ามีเด็กอย่างน้อย 2,000 คน เสียชีวิตภายในไม่กี่สัปดาห์ ในขณะที่ Save the Children องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ระบุในวันจันทร์ (23 ต.ค.) ว่ามีเด็กมากกว่า 1 ล้านคนติดในกาซา ไม่มีสถานที่ปลอดภัยให้หลบ พร้อมเตือนเกี่ยวกับผลกระทบเลวร้าย จากการขาดแคลนยาและไฟฟ้าที่ป้อนพลังงานแก่สถานพยาบาลต่างๆ ในฉนวนแห่งนี้
อารมณ์ความรู้สึกพุ่งสูง ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันอังคาร (24 ต.ค.) หลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้ "หยุดยิงด้านมนุษยธรรม" ในทันที
"การปกป้องพลเรือนไม่ได้หมายความว่า ออกคำสั่งให้ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนอพยพไปทางใต้ ดินแดนที่ไม่มีที่พักพิง ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ ไม่มียา และไม่มีเชื้อเพลิง และจากนั้นยังคงเดินหน้าถล่มทางใต้" กูเตอร์เรสกล่าว "มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักเช่นกันว่าการโจมตีของพวกฮามาสไม่ได้เกิดขึ้นจากสุญญากาศ"
"ประชาชนชาวปาเลสไตน์อยู่ภายใต้การยึดครองบีบเค้นมานานกว่า 56 ปี พวกเขาพบเห็นดินแดนของตนเองถูกกลืนกินอย่างต่อเนื่อง จากการตั้งถิ่นฐานและถูกห้อมล้อมด้วยความรุนแรง เศรษฐกิจของพวกเขาโดนบีบคั้น ประชาชนของพวกเขาต้องไร้ถิ่นฐานและบ้านเรือนของพวกเขาถูกทำลาย" กูเตอร์เรสระบุ พร้อมบอกว่าการกระทำอันน่ารังเกียจของฮามาส ไม่อาจถูกนำมาอ้างความชอบธรรมลงโทษประชาชนชาวปาเลสไตน์ร่วมด้วย แม้กระทั่งสงครามก็ยังมีกฎเกณฑ์"
ความเห็นของ กูเตอร์เรส เรียกเสียงตอบโต้ดุเดือดอย่างรวดเร็วจากคณะผู้แทนทูตของอิสราเอล ในนั้นรวมถึง กิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ที่เขียนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เรียกร้องให้ กูเตอร์เรส ลาออกในทันทีต่อคำพูดดังกล่าว และบอกว่าเขาไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำของสหประชาชาติ ส่วน เอลิ โคเฮน รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ซึ่งอยู่ที่สหประชาชาติในวันอังคาร (24 ต.ค.) บอกว่าเขาจะไม่ขอพบเจอหน้ากับ กูเตอร์เรส และไม่มีที่ว่างสำหรับแนวทางรักษาสมดุล
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำว่าอิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตนเอง อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าต้องมีการพิจารณาหยุดพักด้านมนุษยธรรม เปิดทางความช่วยเหลือเข้าถึงพลเรือนในกาซา โดยหลีกเลี่ยงใช้คำว่า "การหยุดยิง"
(ที่มา : เอเอฟพี/ซีเอ็นเอ็น)