เอเจนซีส์ - เรือรบพิฆาตติดมิสไซล์นำวิถีสหรัฐฯ USS Carney ระหว่างเดินทางไปอิสราเอลยิงมิสไซล์ RIM-66M สู้มิสไซล์ร่อนและโดรนกบฏฮูตีทางตอนเหนือของทะเลแดงวันพฤหัสบดี (19 ต.ค.) นานถึง 9 ชั่วโมง ขณะที่มีรายงานว่าเบื้องหลัง 2 แม่ลูกอเมริกันที่ถูกปล่อยออกมาโดยมีกาตาร์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานวานนี้ (22 ต.ค.) ว่า กลายเป็นภาพระทึกของฉากการต่อสู้นานร่วม 9 ชั่วโมงเกิด ขึ้นวันพฤหัสบดี (19) ซึ่งรายงานชี้ว่า โดรนและมิสไซล์ร่อนที่ถูกยิงออกมาจากเยเมนไม่ได้มีเป้าหมายไปที่เรือรบพิฆาตติดมิสไซล์นำวิถีสหรัฐฯ USS Carney ที่กำลังอยู่ในทะเลแดงเพื่อไปอิสราเอล แต่ตามการรายงานเบื้องต้นชี้ว่า มิสไซล์และโดรนเหล่านี้มีเป้าหมายไปทางเหนือที่เชื่อว่าคือ “อิสราเอล”
ภาพภายในเรือรบพิฆาตสหรัฐฯ USS Carney แสดงให้เห็นว่าลูกเรือกำลังต่อสู้ด้วยการยิงมิสไซล์แบบภาคพื้นสู่อากาศ RIM-66M เพื่อทำลายมิสไซล์และโดรนจำนวน 15 ตัวที่มุ่งหน้าไปอิสราเอล
และกลายเป็นภาพการระเบิดกลางอากาศเกิดขึ้น ไม่มีรายงานถึงการบาดเจ็บเกิดขึ้นกับทั้งลูกเรือและต่อพลเรือนตลอดทั้ง 9 ชั่วโมงนั้น
สื่ออังกฤษชี้ว่าภาพที่เปิดเผยออกมานั้นจากกองบัญชาการกลางกองทัพเรือ (US Naval Forces Central Command) โดยภาพเหล่านี้เปิดเผยวินาทีที่ระบบของ USS Carney ส่องไปที่เป้าหมายก่อนที่จะเป้าหมายจะกลายเป็นจุลในพริบตา ส่วนลูกเรือกำลังควบคุมอุปกรณ์อยู่ด้านในเพื่อสกัดมิสไซล์และโดรนของฮูตี
โดยแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ชี้ว่า ทั้งโดรนและมิสไซล์ของฝ่ายตรงข้ามถูกยิงตกด้วยระบบมิสไซล์แบบจากภาคพื้นสู่อากาศ SM-2
แหล่งข่าวยืนยันซ้ำอีกครั้งว่า จรวดที่ยิงออกมาโดยกบฏฮูตีในเยเมนนั้นเป็นที่ชัดเจนว่ากำลังมุ่งหน้าไปอิสราเอล ซึ่งฮูตีส่งสัญญาณว่ามีความตั้งใจว่าต้องการเข้าร่วมกับความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์
ขณะเดียวกัน มีรายงานเปิดเผยว่า เบื้องหลังที่ 2 แม่ลูกอเมริกันได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มฮามาสได้นั้นเป็นเพราะ “กาตาร์” เป็นตัวกลางช่วยเจรจาสร้างความหวังให้บรรดาผู้นำชาติมหาอำนาจตะวันตกทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสที่ต่างมีพลเมืองตกเป็นตัวประกันเช่นกัน
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานวันเสาร์ (21) ว่า เสียงโทรศัพท์ที่กรุงโดฮาดังไม่ขาดสายหลังข่าวเผยแพร่ออกไป
ทั้งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ริชี ซูแน็ก และประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง อยู่ในกลุ่มผู้นำที่ต้องการให้โดฮาช่วย และได้แสดงความยินดีที่กาตาร์ประสบความสำเร็จในการเจรจากล่อมฮามาส และขอให้ช่วยเหลือพลเมืองชาติตัวเองออกมา
กาตาร์ซึ่งใช้เวลาเกือบ 20 ปี ใช้ความร่ำรวยที่ได้มาจากการค้าน้ำมันสร้างตัวให้เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระดับภูมิภาค ซึ่งทีมฉุกเฉินจากทั้งยุโรปและสหรัฐฯ รู้จักกาตาร์เป็นอย่างดี
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กาตาร์เปิดเผยว่า “สำนักงานการเมืองฮามาสถูกเปิดขึ้นที่กาตาร์ในปี 2012 นั้นมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ได้ร้องขอให้เปิดช่องทางการสื่อสารกับฮามาส”
แหล่งข่าวคนเดิมย้ำว่า การเป็นตัวกลางและแก้ปัญหาความขัดแย้งถือเป็นส่วนสำคัญของนโยบายการต่างประเทศกาตาร์ ดังนั้นแล้วเจ้าหน้าที่จำนวนมากกว่าปกติของกาตาร์นั้นกำลังทำงานในหน่วยนี้