มีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าความขัดแย้งอิสราเอลกับฮามาส อาจลุกลามบานปลาย หลังจากในวันอาทิตย์ (15 ต.ค.) อิหร่านออกมาเตือน "ไม่มีใครสามารถรับประกัน สถานการณ์จะอยู่ภายใต้การควบคุม" ตามหลังกองทัพอิสราเอลออกมาตั้งท่าจะจู่โจมภาคพื้นรุกรานฉนวนกาซา ตอกย้ำความหวั่นเกรงของวอชิงตันก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เตหะราน จะเข้ามาร่วมวงความขัดแย้ง
ฮอสเซน อามีร์ อับดอลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เผยแพร่คำเตือนดังกล่าวของเตหะราน ระหว่างการเดินทางเยือนกาตาร์อย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ (15 ต.ค.) พร้อมระบุจนกว่าการโจมตีอันโหดร้ายป่าเถื่อนใส่ประชาชนและพลเรือนในฉนวนกาซาจะหยุดลง วิกฤตอาจขยายวงกว้างไปมากกว่านี้
สหรัฐฯ ส่งเสียงแสดงความกังวลว่าความขัดแย้งที่มีชนวนเหตุจากการที่กลุ่มฮามาส เปิดฉากโจมตีสายฟ้าแลบเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม อาจลุกลามบานปลาย และเอ่ยปากเตือน อิหร่านให้อยู่ห่างจากสงคราม "มีความเสี่ยงอย่างแท้จริงที่ความขัดแย้งนี้จะลุกลามบานปลาย กำลังมีการเปิดแนวหน้าที่ 2 ทางภาคเหนือ และแน่นอนว่า อิหร่านมีความเกี่ยวข้องด้วย" เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติบอกกับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส
"เราเห็นความเสี่ยงอย่างแท้จริงของสถานการณ์ที่ลุกลามตามแนวชายแดนทางเหนือ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมประธานาธิบดีไบเดน จึงชัดเจนอย่างมาก และพูดอย่างแข็งกร้าวว่า ไม่ควรมีรัฐหรือกลุ่มใดที่ฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ เพื่อความได้เปรียบของตนเอง หรือขยายสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลาย"
ส่วน จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับรายการ "ฟ็อกซ์นิวส์ซันเดย์" ว่าอเมริกา "ไม่ต้องการเห็นฮิซบอลเลาะห์ พวกก่อการร้ายอีกกลุ่มขยายสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลาย และเปิดแนวหน้าใหม่ เพื่อหันเหความสนใจไปจากการสู้รบกับฮามาส"
การปะทะกันระหว่างพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มติดอาวุธฝักใฝ้อิหร่านกับกองทัพอิสราเอล เริ่มหนักหน่วงนิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตามแนวชายแดนของอิสราเอลติดกับเลบานอน
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานผู้เสียชีวิตนับสิบคนในฝั่งเลบานอน ส่วนใหญ่เป็นพวกนักรบ แต่ในนั้นรวมถึงผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์รายหนึ่ง และพลเรือน 2 รายเช่นกัน ในขณะที่ในฝั่งของอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (15 ต.ค.) ฮิซบอลเลาะห์อ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีครั้งใหม่ใส่ทางเหนือของอิสราเอล โดยบอกว่าพวกเขาสังหารหรือทำให้ทหารอิสราเอลได้รับบาดเจ็บไปหลายราย รวมถึงทำลายรถถัง 2 คันและยานยนต์ของกองทัพอีกคันขณะเดียวกัน พวกฮามาสปาเลสไตน์ ซึ่งมีนักรบอยู่ในเลบานอน เปิดเผยว่าพวกเขาได้ยิงจรวดหลายลูกเข้าใส่ทางเหนือของอิสราเอล
กองทัพอิสราเอล เปิดเผยว่าเครื่องบินขับไล่ของพวกเขา ได้โจมตีฐานที่มั่นของพวกฮิซบอลเลาะห์หลายแห่งในเลบานอน "สถานการณ์ตามแนวชายแดนนั้นอันตรายสุดขั้ว" ไฮโค วิมเมน นักวิเคราะห์จากอินเตอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป กล่าว
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แถลงในวันเสาร์ (14 ต.ค.) ว่าอเมริกากำลังส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 2 ไปทางตะวันออกของเมดิเตอร์เรเนียน "เพื่อป้องปรามพฤติกรรมที่เป็นปรปักษ์กับอิสราเอล หรือความพยายามใดๆ ในการขยายวงสงครามนี้ ตามหลังการโจมตีของฮามาส"
กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี ยูเอสเอส ดไวท์ ดี ไอเซนฮาวร์ และเรือรบใบริวารของมัน จะเข้าร่วมกับกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส เจรัลด์ อาร์. ฟอร์ด ที่ประจำการอยู่ในภูมิภาคดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในฉนวนกาซา ปฏิบัติการโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล เข่นคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 2,670 ราย ในนั้นเป็นเด็กกว่า 700 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 9,600 ราย ส่วนในอิสราเอล มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในนั้นรวมถึงเด็กๆ และมีชาวอิสราเอลกับชาวต่างชาติราวๆ 150 คน ถูกกลุ่มนักรบฮามาสจับเป็นตัวประกัน
เจ้าหน้าที่ในอิสราเอลอ้างว่าพบศพนักรบฮามาสมากกว่า 1,500 ราย ใกล้แนวชายแดนอิสราเอลติดกับฉนวนกาซา
"อิหร่านไม่อาจแค่เฝ้ามองสถานการณ์นี้ ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์เท่านั้น" อับดอลลาเฮียน กล่าว
ที่ผ่านมา อิหร่านมอบการสนับสนุนทั้งการเงินและการทหารแก่ฮามาส แต่พวกเขาปฏิเสธซ้ำๆ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
อย่างไรก็ตาม เคอร์บี บอกว่า แม้จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯ ยังไม่มีข่าวกรองที่เจาะจงที่เชื่อมโยงอิหร่านกับการโจมตีของพวกฮามาส แต่ เตหะราน ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ "แน่นอน อิหร่าน สมรู้ร่วมคิดอย่างกว้างๆ และช่วยเหลือพวกฮามาส เปิดทางให้พวกเขาสามารถปฏิบัติโจมตีก่อการร้าย ดังเช่นที่พวกเขาลงมือ"
ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ผู้ทรงอิทธิพล จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งรู้จักกันในฐานะสายเหยี่ยวในด้านนโยบายการต่างประเทศ ส่งเสียงเตือนอย่างแข็งกร้าวไปถึงเตหะราน บอกว่า "อิหร่าน ถ้าพวกแกขยายสงครามให้ลุกลาม เราจะไล่ล่าตามหาพวกแก"
(ที่มา : เอเอฟพี)