ประธานาธิบดี เอบราฮิม ไรซี แห่งอิหร่าน และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ได้ต่อสายพูดคุยปัญหาอิสราเอล-ปาเลสไตน์เมื่อวันพุธ (11 ต.ค.) ซึ่งถือเป็นการหารือทางโทรศัพท์ครั้งแรกของผู้นำทั้งสองนับตั้งแต่ริยาดและเตหะรานประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาตามแรงสนับสนุนของจีน
การพูดคุยครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซาอย่างหนักหน่วง เพื่อแก้แค้นที่พวก “ฮามาส” ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์บุกโจมตีภาคใต้ของอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7)
สื่อรัฐบาลอิหร่านรายงานว่า ไรซี และเจ้าชายโมฮัมเหม็ดได้หารือ “ความจำเป็นที่จะต้องยุติการก่ออาชญากรรมสงครามต่อชาวปาเลสไตน์”
ในส่วนของเจ้าชายโมฮัมเหม็ดเอง “ทรงยืนยันว่าราชอาณาจักรซาอุฯ กำลังพยายามทุกวิถีทางที่จะประสานกับทุกฝ่าย ทั้งในระดับนานาชาติและภูมิภาค เพื่อยุติการเผชิญหน้าที่เกิดขึ้น” และพระองค์ทรงย้ำจุดยืนของริยาดที่ไม่เห็นด้วยกับการโจมตีพลเรือนในทุกรูปแบบ ตามรายงานของสำนักข่าว SPA
ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านบรรลุข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อเดือน มี.ค. ภายใต้ข้อตกลงที่มี “จีน” ช่วยเป็นกาวใจ หลังจากที่ทั้ง 2 ชาติคงความเป็นศัตรูกันมา 7 ปีเต็ม ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในอ่าวเปอร์เซีย และยังมีส่วนกระพือความขัดแย้งในตะวันออกกลางตั้งแต่เยเมนไล่ไปจนถึงซีเรีย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยระหว่าง ไรซี และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด โดยระบุว่า สหรัฐฯ ซึ่งหนุนหลังอิสราเอลเต็มที่ในการต่อสู้กับกลุ่มฮามาส “มีการติดต่อกับผู้นำซาอุฯ อย่างสม่ำเสมอ”
เจ้าหน้าที่ผู้นี้ระบุด้วยว่า สหรัฐฯ ได้ร้องขอไปยังหุ้นส่วนที่มีความสัมพันธ์หรือช่องทางติดต่อกับกลุ่มฮามาส กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน รวมถึงอิหร่าน “ให้ช่วยโน้มน้าวพวกฮามาสให้ยุติการโจมตี ปลดปล่อยตัวประกัน ตลอดจนกันฮิซบอลเลาะห์และอิหร่านออกไปจากสงครามครั้งนี้”
ที่มา : รอยเตอร์