เคลซีย์ แลมเบิร์ต หนูน้อยอเมริกันวัย 10 ขวบ อยู่ในชุดเสื้อยืดทีเชิ้ตเขียนข้อความว่า “I Love Pandas” และมีสมุดไดอารีหน้าปกรูปแพนด้า กุมอยู่ในมืออย่างแน่น น้องส่งเสียงหัวเราะตื่นเต้นร่าเริงขณะกวาดสายตาไปเห็น “ตัวจริง เสียงจริง”
คุณแม่แอลิสัน พาน้องเคลซีย์ จัดทริปจากเมืองแซนแอนโตนิโอ รัฐเทกซัส เดินทางทริปพิเศษอย่างมุ่งมั่นด้วยเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงสุดๆ คือ มาชื่นชมความน่ารักน่าเอ็นดูของเหล่าดาราร็อกสตาร์ขนฟูนุ่มๆ ใน National Zoo สวนสัตว์แห่งชาติของสมิธโซเนียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แค่ดูครอบครัวแพนด้าเคี้ยวไผ่ นอนซบแผ่นหิน หรือกลิ้งตัวไปมารอบๆ ลานหญ้าอย่างสบายอารมณ์ ความสุขก็เปี่ยมล้นขึ้นมาง่ายๆ
“หนูตื่นเต้นประทับใจสุดๆ ค่ะ” เคลซีย์ บอกกับนักข่าวเอพีเมื่อวันศุกร์ 29 กันยายน
“คุณแม่สัญญาหลายทีแล้วว่าจะพาหนูมาดูแพนด้าสักครั้งหนึ่ง เราเลยต้องมากันตอนนี้แล้วค่ะ เพราะเดี๋ยวพวกมันก็จะกลับจีนแล้ว”
หมีแพนด้ายักษ์ 3 ตัว ซึ่งเป็นดาวเด่นอยู่ที่ National Zoo ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Institution) มีชื่อว่า เจ้าเหม่ย เซียง ผู้เป็นมะม้า เจ้าเถียน เถียน ผู้เป็นปะป๊า และลูกน้อย เจ้าเสี่ยว ชี จี ทั้งสามมีกำหนดจะต้องเดินทางกลับเมืองจีนไปในตอนต้นเดือนธันวาคม เพราะข้อตกลงยืมตัวดาราดาวเด่นแพนด้าผู้น่ารักที่มีระยะสัญญา 10 ปี จะยุติปลายปีนี้
แล้ว... ประเด็นสำคัญสุดๆ คือ ถ้อยคำร่ำลือกันสนั่นประเทศว่า ในเที่ยวนี้ จีนเขาจะไม่ต่ออายุสัญญายืมตัวแล้ว หลังจากที่เคยปรากฏบ่อยครั้งว่าการต่อสัญญาแต่ละหนนั้นปัญหาเยอะเหลือเกิน
มหาชนชาวอเมริกันก็ว้าวุ่นกันล่ะทีนี้
เมื่อจีนให้ยืมน้องแพนด้ามานานร่วมครึ่งศตวรรษ คนอเมริกันพากันตกหลุมรักน้องอย่างงอมแงม พอจีนเอาคืน ดวงใจคนรักแพนด้าก็บอบช้ำ ได้แต่แอบหวังว่า ณ นาทีสุดท้ายคงต่อสัญญาให้
แต่ตลอดที่ผ่านมา ยังไม่มีสัญญาณเกริ่นๆ มายังสาธารณชนเลยว่า ข้อตกลงแลกเปลี่ยนซึ่งประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ไปทำไว้กับฝ่ายจีนตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน จะยังใช้กันต่อไปหรือไม่
เจ้าหน้าที่ของ National Zoo นั้น ปิดปากสนิท ไม่แพลมความเห็นใดๆ ให้ผู้คนได้หวังกันเลยว่า จะมีลู่ทางหรือโอกาสใดๆ ที่จะต่ออายุข้อตกลงเรื่องให้ยืมน้องหมีแพนด้ายักษ์กันอีกสักรอบ หรือจะใช้วิธีขยายเวลาข้อตกลงฉบับปัจจุบันไปพลางก่อน
ในเวลาเดียวกัน บรรดาความพยายามของฝ่ายต่างๆ ที่จะขอทราบว่าสถานภาพการเจรจาเป็นอย่างไร ไปถึงไหนแล้ว ล้วนแต่เก้อ ไม่มีคำตอบรีเทิร์น
กระนั้นก็ตาม เอาเข้าจริงแล้ว การไม่ตอบก็คือคำตอบอยู่ในตัว ซึ่งคงจะเป็นคำตอบในทางปวดใจที่คนฟังไม่อยากได้ยิน และคนตอบก็ไม่อยากจะพูด เพราะเรื่องมันว้าวุ่นมาจากหน่วยเหนือ จึงเอาเป็นว่าน้องแพนด้ายักษ์ตะมุตะมิขึ้นเครื่องบินกลับไปกินไผ่ที่จีนเมื่อใด คำตอบก็ปรากฏกระจ่างแจ้งเมื่อนั้น
ยิ่งกว่านี้ การไม่ตอบ แต่จัดกิจกรรมอำลาอาลัย ถ้าไม่ใช่คำตอบที่รอกันอยู่ ก็ต้องเรียกว่าคำบอกใบ้กระมัง
ท่าทีดังกล่าวซึ่งสวนสัตว์แสดงออกมาบ้างนั้น บ่งชี้ถึงข่าวร้ายอย่างชัดเจน โดย National Zoo ได้ปฏิบัติให้เห็นชัดๆ เลยว่าช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่ไม่กี่เดือนนี้ เป็นเสมือนกับห้วงสุดท้ายของยุคสมัยที่อเมริกามีน้องน้อยแพนด้าไว้ให้ชื่นอุรา
โดยกิจกรรมอำลาอาลัยที่เป็นงานฉลอง 1 สัปดาห์ มีชื่อหัวข้อน่าสะเทือนใจ “Panda Palooza: A Giant Farewell” หรือก็คือ อลังการงานอำลาแพนด้ายักษ์ ที่เพิ่งจบไป เมื่อ 1 ตุลาคม 2023 นั่นเอง
วี่แววแนวโน้มที่ยุคแพนด้าของ National Zoo กำลังจะสิ้นสุดลงนี้ ย่างกรายเข้ามาควบคู่กับประเด็นการเมืองระดับชาติโน่นนี่เยอะเลย มันเป็นซูเปอร์เทรนด์อันมโหฬาร นักสังเกตการณ์ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน บอกกันอย่างนั้น
กล่าวคือ ในเมื่อรัฐบาลปักกิ่งกับรัฐบาลของหลายๆ ชาติตะวันตก ถลำลึกอยู่ในความตึงเครียดทางการทูตระดับสูง จีนก็ดูเหมือนจะทยอยดึงเอาหมีแพนด้ายักษ์ของตนกลับออกมาจากสวนสัตว์ทั้งหลายในโลกตะวันตกแห่งแล้วแห่งเล่า โดยทันทีที่ข้อตกลงเดิมที่ทำกันเอาไว้นั้นหมดอายุลง แบบว่ามิต้องพูดถึงการต่ออายุข้อตกลงกันเลย
เดนนิส ไวล์เดอร์ นักวิจัยอาวุโสในโครงการความริเริ่มเพื่อการหารือระหว่างสหรัฐฯ-จีน ว่าด้วยประเด็นปัญหาโลก (Initiative for U.S.-China Dialogue on Global Issues) ของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ เรียกแนวโน้มนี้ว่า “การทูตแพนด้าแบบมุ่งลงโทษ” (Punitive Panda Diplomacy)
กูรูไวล์เดอร์ชี้ว่า มีสวนสัตว์อเมริกันแห่งอื่นๆ อีก 2 แห่งที่สูญเสียหมีแพนด้ายักษ์ไปแล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่สวนสัตว์ในสกอตแลนด์และในออสเตรเลียก็ต้องเผชิญกับการลาจากแบบเดียวกันนี้ โดยไม่มีสัญญาณใดๆ เลยว่าข้อตกลงขอยืมแพนด้าจะได้รับการต่ออายุใหม่
ที่ผ่านมา จีนมีประชากรหมีแพนด้ายักษ์อยู่ในป่าต่างๆ รวมได้ประมาณ 1,800 ตัว รัฐบาลปักกิ่งมีไมตรีจิต ให้ยืมหมีแพนด้ายักษ์แก่สวนสัตว์ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 65 ตัวใน 19 ชาติ
การให้ยืมนี้เป็นไปในลักษณะ “โปรแกรมความร่วมมือเพื่อศึกษาวิจัย” ภายใต้ภารกิจที่จะยกระดับการปกป้องคุ้มครองน้องๆ ขนฟูซึ่งมีความเสี่ยงใกล้จะสูญพันธุ์
ข้อตกลงที่ทำกันไว้นั้นกำหนดเงื่อนไขว่าแพนด้าทั้งปวงที่จีนให้ยืมไป จะต้องเดินทางกลับจีนเมื่อพวกมันมีอายุขัยถึงวัยชรา ลูกหมีแพนด้าซึ่งเกิดในต่างแดนแผ่นดินไหนก็ตาม ก็ต้องถูกส่งมอบให้จีน เมื่อเจริญวัยไปถึงอายุราว 3-4 ปี
สำหรับสถานการณ์ของสวนสัตว์แห่งอื่นๆ ในสหรัฐฯ มีดังนี้
= สวนสัตว์แซนดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ส่งคืนแพนด้าของตนไปให้จีนเมื่อปี 2019
= สวนสัตว์เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ก็ทำการมอบคืนแพนด้าตัวสุดท้ายกลับไปแล้วเมื่อต้นปีนี้
= สวนสัตว์แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย มี 4 ตัว พ่อแม่ลูก โดยเว็บไซต์ข่าวฟ็อกซ์5 บอกว่า เมื่อ National Zoo ในวอชิงตัน ดี.ซี. ส่งคืนแพนด้ายักษ์ทั้งหมดไปแล้ว ก็จะเท่ากับว่าในอเมริกาเหลือแพนด้ายักษ์หน้าตาน่ารักเพียง 4 ตัว โดยสวนสัตว์แอตแลนตาจะเป็นแห่งเดียวที่ผู้คนจะได้เห็นเจ้าแพนด้าตัวจริงเสียงจริง กระนั้นก็ตาม ภายในปีหน้า 2024 ก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องส่งทุกตัวกลับคืนไปยังประเทศจีน
กูรูไวล์เดอร์บอกว่า การที่จีนทำอย่างนี้มีความเป็นไปได้ที่จีนอาจจะ “พยายามส่งสัญญาณ” เช่น เมื่อเป็นศัตรูกันซะปานนี้ ก็ต้องเก็บสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพกลับบ้านแล้วแล
เขาหยิบยกเหตุการณ์ความไม่ลงรอยกันระหว่างฝ่ายจีนกับฝ่ายอเมริกันในระยะหลังๆ นี้ ที่เรียงแถวได้ยาวเหยียด ดังนี้
= การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการแซงก์ชันเล่นงานบรรดาพลเมืองและเจ้าหน้าที่คนสำคัญๆ ของจีน
= การบีบคั้นจำกัดไม่ให้จีนสามารถนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ที่ก้าวหน้าล้ำสมัย
= การกล่าวหาว่าสารเสพติด เฟนทานิล ที่จีนเป็นผู้ผลิต มีการไหล่บ่าท่วมท้นสารพัดเมืองในอเมริกา
= การตั้งข้อระแวงสงสัยต่อแพลตฟอร์มสื่อสังคมอย่างติ๊กต็อกที่จีนเป็นเจ้าของ
= การเอะอะโวยวายเมื่อช่วงต้นปีนี้เรื่องบอลลูนจีนลอยอยู่เหนือน่านฟ้าอเมริกันว่าเป็นจารกรรม
ไวล์เดอร์บอกว่า จีนปักใจแล้วแหละ “นาโตและสหรัฐฯ ร่วมมือกันต่อต้านจีน”
ความตึงเครียดซึ่งสืบเนื่องมาจากหมีแพนด้า ได้ฟาดงวงฟาดงาเข้าไปถึงห้องวุฒิสภาอเมริกันอีกด้วย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จอห์น เฟตเทอร์แมน สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครต จากรัฐเพนซิลเวเนีย ตั้งประเด็นร้องทุกข์ว่าจีนเดินหน้าซื้อหาครอบครองที่ดินเพื่อการเกษตรในสหรัฐฯ แล้วก็ยิงมุกว่า
“ผมขอบอกอย่างนี้ครับ พวกเขามาเอาแพนด้าของเรากลับไป ดังนั้น เราก็ควรเอาที่ดินการเกษตรของพวกเขากลับคืนมาเหมือนกัน”
ปรากฏว่าความรู้สึกเกลียดชังและเป็นศัตรูในทำนองนี้ ไปคุกรุ่นอยู่ในสาธารณชนชาวจีนด้วย แบบว่าหากไม่มากก็น้อย โดยมีรายงานข่าวจำนวนหนึ่งเตือนว่าอารมณ์ความรู้สึกต่อต้านอเมริกันภายในแดนมังกร นับวันแต่จะแรงขึ้นเรื่อยๆ พลังความรู้สึกคับข้องใจได้พัฒนาจนกลายเป็นพายุอารมณ์ลูกใหญ่ โดยถูกจุดชนวนขึ้นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหมีแพนด้าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ตอนที่ เล่อ เล่อ แพนด้าเพศผู้ ดาราเด่นของสวนสัตว์เมืองเมมฟิส มีเหตุให้ต้องเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันในเดือนกุมภาพันธ์ขณะที่มันแก่ชราพอใช้ได้แล้ว คือ 24 ปี ทั้งนี้ แพนด้าโดยทั่วไปที่ดำรงชีวิตตามอัธยาศัยอยู่กันในป่าเขา มีชีวิตยืนยาวได้ระหว่าง 15 ถึง 20 ปี แต่พวกที่มีมนุษย์คอยดูแลนั้น บ่อยครั้งจะอยู่ได้นานกว่านั้น คือหลายๆ ตัวสามารถยืนยาวไปจนถึงราว 30 ปี
การเสียชีวิตอย่างปุบปับ ปราศจากสัญญาณเตือน ในกรณีของ เล่อ เล่อ จุดชนวนขึ้นเป็นกระแสแห่คอมเมนต์ชนิดระเบิดระเบ้อขึ้นตามแพลตฟอร์มสื่อสังคมของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เว่ยปั๋ว โดยมีการกล่าวหากันอย่างกว้างขวางว่าสวนสัตว์เมมฟิสปฏิบัติต่อ เล่อ เล่อ อย่างเลวร้าย และแพนด้าคู่ครองของเล่อ เล่อ นามว่า ยา ย่า ก็โดนด้วย
กระแสความขุ่นเคืองยิ่งเข้มข้นขึ้นอีก เมื่อมีการเผยแพร่ภาพของ ยา ย่า ทางอินเทอร์เน็ต โดยรูปร่างหน้าตาของน้องแลดูสกปรก และผ่ายผอม (เมื่อวัดจากมาตรฐานของหมีแพนด้ายักษ์) และขนก็ขึ้นหยอมแหยมไม่เป็นระเบียบสวยงาม
มีการรณรงค์จัดทำหนังสือร้องทุกข์ทางออนไลน์บนเว็บไซต์ Change.org เรียกร้องให้พา ยา ย่า กลับบ้านทันที โดยตั้งข้อกล่าวหาว่ามันอยู่ในสภาพขาดอาหารและไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่ถูกต้องเหมาะสม คำขวัญเรียกร้องแบบทันยุคทันสมัยผุดขึ้นมาในสื่อสังคมจีนว่า “ชีวิตแพนด้าก็สำคัญ” เลียนแบบ “Black Lives Matter” กันเลยทีเดียว
ในเวลาเดียวกัน มีการผุดมีมแรงๆ ออกมารณรงค์ปลุกเร้าอารมณ์ เพื่อวิงวอนให้หน่วยงานรับผิดชอบในฝ่ายจีนออกโรงช่วยเหลือน้องหมีแพนด้ายักษ์ ยา ย่า ให้อยู่รอดปลอดภัย โดยมีมชิ้นที่ได้รับความสนใจเวอร์วังเป็นพิเศษ ทำภาพ ยา ย่า ในท่าทางย่ำแย่เป็นทุกข์มาก ใบหน้าแหงนจ้องมองเครื่องบินที่อยู่เหนือศีรษะ พร้อมแคปชั่นบรรยายภาพว่า
“แม่จ๋า หนูจากบ้านมาทำงานได้ 20 ปีแล้ว หนูหาเงินได้มากพอค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้านหรือยัง?”
กระแสเรียกร้องนี้ดุเดือดร้อนแรงเหลือเกิน จนกระทั่งสวนสัตว์เมมฟิสต้องออกคำแถลงเพื่อตอบโต้กับสิ่งที่ทางสวนสัตว์เรียกว่า “ข่าวเท็จ” เกี่ยวกับแพนด้าทั้งสองที่สวนสัตว์ดูแลอยู่ พร้อมกับย้ำว่า ยา ย่า มี “อาการโรคเรื้อรังทางผิวหนังและขน” จึง “ทำให้ขนของมันดูบางและขึ้นเป็นหย่อมๆ” ส่วน เล่อ เล่อ นั้นเสียชีวิตด้วยสาเหตุตามธรรมชาติ คือ โรคชรา
กระนั้นก็ตาม แม้จะมีคณะผู้แทนทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการคณะหนึ่งของจีนไปเยือนเมมฟิส แล้วประกาศผลการตรวจตราว่า เลอ เล่อ ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูอย่างเลวร้าย และเลอ เล่อก็เสียชีวิตตามธรรมชาติด้วยอาการทางหัวใจ แต่นั่นไม่สามารถปัดเป่าความโกรธเกรี้ยวร้อนแรงในแดนมังกรได้
ในการนี้ ตอนที่ ยา ย่า เดินทางกลับจีนตามกำหนดในเดือนเมษายนเมื่อข้อตกลงให้ยืมหมดอายุลง น้องได้รับการต้อนรับประดุจเซเลบริตเลอเลิศขั้นสุด ที่สนามบินในเมืองเซี่ยงไฮ้
รัฐบาลจีนซึ่งมอบแพนด้าคู่แรก คือ เจ้าซิง ซิง และเจ้าหลิง หลิง ให้เป็นของขวัญแก่สหรัฐฯ นั้น ในเวลาต่อมา ได้เปลี่ยนมาทำข้อตกลงกับประเทศต่างๆ ในลักษณะของการให้ยืม โดยปกติจะเป็นเงื่อนไขว่ารอบละ 10 ปี แต่สามารถต่ออายุได้ พร้อมกับคิดค่าธรรมเนียมรายปีกันตั้งแต่ปีละ 1 ล้าน ถึง 2 ล้านดอลลาร์ต่อแพนด้า 1 คู่ บวกด้วยค่าใช้จ่ายที่ทางเจ้าบ้านต้องสร้างและดูแลรักษาสถานที่พักอาศัยของพวกมัน
นอกจากนั้น เมื่อมีการตกลูก ลูกแพนด้าทุกตัวต้องอยู่ในกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลจีน แต่สามารถที่จะขอยืมโดยจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมไปจนกระทั่งเมื่อมันถึงวัยผสมพันธุ์
ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ฝ่ายอเมริกาทำข้อตกลงขอยืมแพนด้าจากจีน พอถึงเวลาต่ออายุสัญญา ก็มีมากกว่า 1 ครั้งที่เกิดเหตุขัดข้องติดขัดในรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปี 2010
โดย แดเนียล แอช ผู้อำนวยการสำนักงานสัตว์น้ำและสัตว์ป่าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (ตำแหน่งขณะนั้น) ต้องเดินทางไปประเทศจีน เพื่อช่วยคลี่คลายประเด็นเชิงเทคนิคในระบบราชการประการหนึ่ง ซึ่งรึ่มๆ จะทำให้ไม่อาจต่ออายุข้อตกลงให้ยืมแพนด้าแก่ทางสวนสัตว์แห่งชาติสหรัฐฯ
เมื่อ แดเนียล แอช เดินทางไปถึง ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขและเคลียร์จบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีการต่ออายุสัญญาออกไปได้เป็นที่เรียบร้อย
“แต่สถานการณ์ในเวลานี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงครับ” แดเนียล แอช กล่าวอย่างนั้น
ปัจจุบันนี้ เขาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสมาคมสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ในสหรัฐฯ “สิ่งที่เรากำลังประสบอยู่เวลานี้คือความตึงเครียดระดับรัฐบาล โดยเป็นปัญหาหนักหน่วงในระดับที่สูงมากๆ พวกเขาต้องแก้ไขคลี่คลายกันในระดับนั้นล่ะครับ”
ผู้สังเกตการณ์หลายรายยังแอบหวังกันว่า จะเกิดมหัศจรรย์ประเภทที่มีการเข้าแทรกแซงจากบุคคลระดับสูงในชั่วโมงท้ายๆ ก่อนถึงกำหนดเส้นตาย
นักวิเคราะห์อย่างกูรูไวล์เดอร์ชี้ไปที่ การประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือก็คือ เอเปก ซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่เมืองซานฟรานซิสโก ในเดือนพฤศจิกายนศกนี้ ว่าสามารถเป็นเวทีที่อาจเกิดมหัศจรรย์ อันได้แก่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน จะสร้างข่าวใหญ่ระดับพาดหัวตัวไม้ ทำการผ่าทะลวงทางตันทั้งปวง
ด้าน เซี่ย เฟิง เอกอัครรราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ก็มีน้ำเสียงกึ่งๆ มองโลกแง่ดีในคำแถลงต่อสาธารณชน ดังนี้
“ผมจะทำจนสุดความสามารถของผมครับ และในการประชุมที่เมืองแอสเพนตอนนี้ ก็จะผลักดันเรื่องนี้ (แพนด้า) ด้วย” ทูตเซี่ย เฟิง กล่าวระหว่างเข้าร่วมเวทีประชุมด้านความมั่นคงแอสเพน หรือก็คือ Aspen Security Forum เมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแอสเพน รัฐโคโลราโด
ขณะรอให้หน่วยเหนือทำการแก้ปัญหานั้น บรรดาผู้นิยมรักใคร่แพนด้า ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ วัยใดๆ ต่างไม่รอช้า พากันเดินทางมุ่งสู่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อให้ได้ชื่นชมยลโฉมน้องแพนด้ายักษ์ทั้งสามพระหน่อเป็นครั้งสุดท้าย
ณ สวนสัตว์แห่งนี้เมื่อวันศุกร์ 29 กันยายน ในท่ามกลางเสียงพูดคุยฉอดๆ จ้อกแจ้กของคุณน้องคุณหนูนั้น มีสองสามีภรรยาที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าเหม่ย เซียง เจ้าเถียน เถียน และเจ้าเสี่ยว ชี จี เดินทางมากล่าวลาซุปตาร์ทั้งสาม โดยคุณภรรยากำลังตั้งครรภ์สวมเฮดแบนด์รูปหูหมีแพนด้า
คอลลีน บลู และจอห์น นันเกซเซอร์ คือนามของสองสามีภรรยาดังกล่าว ทั้งคู่เดินทางจากนอกเมืองฟิลาเดลเฟียเพื่อมาชื่นชมแพนด้าเป็นการเฉพาะเจาะจง ซึ่งสำหรับคอลลีน บลู นี่เป็นครั้งที่ 3 ของเธอ
“ดิฉันหลงใหลแพนด้าเอามากๆ ค่ะ ตั้งแต่ดิฉันยังเล็กๆ ดิฉันมักจะเอาผู้คนเข้าไปสอดแทรกอยู่ในเรื่องราวของแพนด้า” เธอบอก
นันเกสเซอร์พยักหน้ารับรอง และเสริมว่า “ตอนที่เราเดตกันครั้งแรก เธอพูดเรื่องเกี่ยวกับแพนด้าไม่มีหยุดหย่อนเลยครับ”
บลู บอกว่า เธอร้องไห้ และรู้สึก “โกรธเกรี้ยว” กันทีเดียวในตอนที่ได้ยินข่าวว่าพวกแพนด้าในวอชิงตันจะต้องจากไป ทั้งคู่วางแผนเอาไว้แล้วว่า หลังจากลูกคลอดออกมา ก็จะพาทารกน้อยไปดูแพนด้าซึ่งยังเหลืออยู่ที่แอตแลนตาซัมเมอร์หน้า ก่อนที่เจ้าน่ารักจะต้องลาจาก
และสำหรับ แอลิสัน แลมเบิร์ต คุณแม่ของเคลซีย์ บอกว่าเธอยังมองโลกในแง่ดีว่า สหรัฐฯ กับจีนจะสามารถทำข้อตกลงออกมาได้ เนื่องจากว่าเรื่องนี้มันเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย และถ้าหากพวกเขาทำกันไม่สำเร็จ หนูน้อยเคลซีย์บอกว่า เธอเตรียมแผนบี ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
“เราตีตั๋วบินไปเมืองจีนได้เสมอค่ะ” เธอบอก “แผนนี้ก็ใช้ได้นะคะ”
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา : เอพี อัลญะซีเราะห์ ซีบีเอสนิวส์ ฟ็อกซ์5 เว็บไซต์สมิธโซเนียน)