เอพี - ยูเครนโจมตีเมืองเซวาสโทโปลในคาบสมุทรไครเมียด้วยขีปนาวุธอีกระลอกเมื่อเช้าวันเสาร์ (23 ก.ย.) หลังจากโจมตีศูนย์บัญชาการกองเรือทะเลดำของรัสเซียก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ซึ่งส่งผลให้ทหารสูญหายหนึ่งนาย และอาคารหลักถูกไฟไหม้เสียหาย
มิคาอิล ราซโวซาเยฟ ผู้ว่าการแคว้นเซวาสโทโปล โพสต์บนแอปเทเลแกรมว่า มีการเปิดสัญญาณเตือนภัยทางอากาศในเซวาสโทโปลราว 1 ชั่วโมง หลังจากเศษซากขีปนาวุธที่ถูกสกัดตกลงใกล้ท่าเรือแห่งหนึ่ง และต่อมาได้เพิ่มเติมว่า ซากขีปนาวุธอีกชิ้นตกในสวนสาธารณะทางเหนือของแคว้น และบริการเรือข้ามฟากในบริเวณดังกล่าวถูกระงับให้บริการชั่วคราวก่อนเปิดให้บริการอีกครั้ง
ช่องรายการข่าวบนเทเลแกรมที่สนับสนุนยูเครนยังรายงานว่า มีเสียงดังใกล้เมืองวิลนีทางเหนือของคาบสมุทรไครเมีย ตามด้วยควันคละคลุ้ง
ทั้งนี้ รัสเซียเข้าผนวกไครเมียโดยผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2014 และนับจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 คาบสมุทรแห่งนี้ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของยูเครนบ่อยครั้ง
คีรีโล บูดานอฟ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของยูเครน เปิดเผยกับวอยซ์ ออฟ อเมริกาเมื่อวันเสาร์ว่า ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน บาดเจ็บ 16 คน และอเล็กซานเดอร์ โรมันชุค ผู้บัญชาการกองกำลังรัสเซียในส่วนแนวรบด้านตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณที่เคียฟโจมตีกองเรือทะเลดำของรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (22 ก.ย.)
อย่างไรก็ตาม การกล่าวอ้างนี้ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันอย่างอิสระได้ และบูดานอฟไม่ยอมชี้แจงว่า มีการใช้ขีปนาวุธของตะวันตกหรือไม่
กองทัพยูเครนให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า กองทัพอากาศโจมตีกองบัญชาการกองเรือทะเลดำ 12 ระลอก โดยมีเป้าหมายที่ทหาร อาวุธ และอุปกรณ์ทางทหาร โดยสามารถโจมตีระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน 2 ชุด และหน่วยปืนใหญ่ 4 หน่วย
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า มีทหารเสียชีวิตหนึ่งนายในเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ต่อมาออกแถลงการณ์ใหม่ว่า ทหารผู้นั้นสูญหาย
ไครเมียเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการส่งกำลังสนับสนุนให้ทหารรัสเซียในยูเครน และเซวาสโทโปล ซึ่งเป็นฐานหลักของกองเรือทะเลดำนับจากศตวรรษที่ 19 มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับปฏิบัติการของกองทัพเรือรัสเซียนับจากเริ่มสงคราม
สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามระบุว่า ช่วงหลายสัปดาห์มานี้ยูเครนโจมตีเป้าหมายของกองทัพเรือรัสเซียในยูเครนมากขึ้น ขณะที่ปฏิบัติการตอบโต้ของเคียฟทางตะวันออกและใต้ของประเทศมีความคืบหน้าน้อยมาก
ผู้เชี่ยวชาญทางทหารหลายคนชี้ว่า ยูเครนจำเป็นต้องโจมตีเป้าหมายในไครเมียต่อไปเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของทหารและกองทัพรัสเซีย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อเมริกันที่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ 2 คน เผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของอเมริกา บอกกับโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนระหว่างการประชุมที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) ว่า อเมริกาจะมอบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกล ATACMS ให้ยูเครน แต่ไม่ได้ระบุจำนวนและกำหนดเวลาในการส่งมอบ
ทั้งนี้ ยูเครนกดดันมานานให้อเมริกาและพันธมิตรตะวันตกอื่นๆ จัดหาอาวุธพิสัยไกลที่เคียฟสามารถใช้โจมตีข้ามพรมแดนรัสเซียโดยอยู่นอกระยะการโจมตีกลับของมอสโก
ที่ผ่านมา อเมริกาไม่เห็นด้วยเนื่องจากกลัวว่า เคียฟจะใช้อาวุธดังกล่าวโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนชั้นในของรัสเซียและทำให้ความขัดแย้งลุกลาม สำหรับ ATACMS นั้นมีระยะโจมตีราว 300 กิโลเมตร แต่อเมริกายังมีขีปนาวุธรุ่นอื่นที่มีระยะโจมตีสั้นกว่า
นอกจากนั้น เมื่อวันเสาร์กองทัพยูเครนยังเผยว่า รัสเซียส่งโดรนชาเฮดของอิหร่าน 15 ลำเข้าไปยังแนวรบในแคว้นซาโปริซเซียทางตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงดนิโปรเปตรอฟสก์ทางเหนือสุด ซึ่งยูเครนสามารถยิงร่วง 14 ลำ
วันเดียวกันนั้น โอเลคซานดร์ โปรคูดิน ผู้ว่าการเคียร์ซอน เผยว่า ผู้หญิงวัย 65 ปีคนหนึ่งเสียชีวิตจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่ของรัสเซีย และชายวัย 78 ปีถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรงที่อาจถึงชีวิตจากการทิ้งระเบิดของโดรนรัสเซีย