รุกคืบ! ยูเครนคุยทะลวงฝ่าแนวป้องกันรัสเซีย ถล่มกองบัญชาการในไครเมียสังหาร ผบ.ทัพเรือหลายนาย

ยูเครนรายงานสามารถทะลวงฝ่าแนวป้องกันของรัสเซียในทางภาคใต้ของประเทศ จากการเปิดเผยของกองทัพเคียฟในวันเสาร์ (23 ก.ย.) พร้อมระบุพวกผู้บังคับการระดับสูงของกองทัพเรือรัสเซียหลายนาย เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในปฏิบัติการยิงขีปนาวุธลูกหนึ่งโจมตีศูนย์บัญชาการต่างๆ ของกองเรือทะเลดำของมอสโกในไครเมีย

ความคืบหน้านี้เกิดขึ้นในขณะที่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาบรรดามหาอำนาจตะวันตกกำลังสู้รบโดยตรงกับรัสเซีย ในการแสดงความคิดเห็น ณ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ

ในคำกล่าวอ้างล่าสุดเกี่ยวกับความคืบหน้าในพื้นที่ซาโปริซเซีย นายพลยูเครนผู้เป็นแกนนำในปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ บอกกับสื่อมวลชนสหรัฐฯ ว่า ยังคงสามารถรุกคืบได้อย่างต่อเนื่อง "ในปีกทางซ้าย (ใกล้หมู่บ้านเวอร์บอฟ) เราทะลวงฝ่าสำเร็จ และเราเดินหน้ารุกคืบเพิ่มเติม" นายพลโอเล็กซานด์ร ทาร์นาฟสกี บอกกับซีเอ็นเอ็น ในการให้สัมภาษณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (22 ก.ย.)

ยูเครนเปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้เพื่อทวงคืนดินแดนจากรัสเซียมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พวกเขามีความคืบหน้าล่าช้า เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยกับระเบิด อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เคียฟรายงานว่ามีความคืบหน้าทางยุทธศาสตร์ในแคว้นซาโปริซเซีย

"ไม่เร็วอย่างที่คาดหมาย เนื่องจากมันไม่ใช่ภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2" ทาร์นาฟสกีกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น "สิ่งสำคัญคือต้องไม่สูญเสียความมุ่งมั่นนี้"

เมื่อเดือนที่แล้ว เคียฟได้ประกาศชัยชนะทางยุทธศาสตร์ ครั้งที่ทวงคืนหมู่บ้านโรโบทีน ทางภาคใต้ของประเทศ และทางทาร์นาฟสกี ระบุว่า ยูเครนจะประสบความสำเร็จครั้งสำคัญ หากว่าสามารถยึดคืนหมู่บ้านทอร์มัค ห่างจากแนวหน้าราว 20 กิโลเมตร ซึ่งตกอยู่ในเงื้อมมือของกองกำลังรัสเซียมาตั้งแต่ช่วงต้นการรุกราน

การทวงคืน ทอร์มัค จะเปิดทางให้กองกำลังยูเครนผลักดันมุ่งหน้าสู่เมืองมาลิโตโปล ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียและไครเมีย แคว้นที่ถูกมอสโกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตั้งแต่ปี 2014 "ผมคิดว่าาการบุกทะลวงจะเกิดขึ้นหลังทอร์มัค" เขากล่าว แต่เตือนว่า "ณ เวลานี้ กองกำลังรัสเซียกำลังพึ่งพิงแนวลึกของแนวป้องกันตนเองที่นั่น"

นอกจากนี้ ทาร์นาฟสกี ยังไม่เห็นด้วยกับผู้สันทัดกรณีบางส่วนที่คาดการณ์ว่าความพยายามรุกคืบของยูเครนจะประสบปัญหาล่าช้ามากกว่าเดิมในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาถึง "สภาพอากาศสามารถเป็นอุปสรรคขัดขวางร้ายแรงระหว่างการรุกคืบ แต่หากพิจารณาแนวทางที่เราลุยไปข้างหน้า ส่วนใหญ่โดยปราศจากยานพาหนะ ผมไม่คิดว่ามันจะมีอิทธิพลสำคัญใดๆ ต่อปฏิบัติการโจมตีตอบโต้"

การสัมภาษณ์ถูกเผยแพร่ออกมา 1 วัน หลัง เคียฟโจมตีกองบัญชาการต่างๆ ของกองเรือทะเลดำรัสเซีย ในเมืองเซวาสโตโพล ในแคว้นไครเมีย คร่าชีวิตพวกผู้บังคับการระดับสูงหลายนาย พร้อมอ้างว่าการโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างการประชุมหนึ่งของพวกผู้นำกองทัพเรือรัสเซีย

คีรีโล บูดานอฟ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองรัสเซีย เปิดเผยกับวอยซ์ออฟอเมริกา ว่า การโจมตี "คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 9 ราย" ในนั้นรวมถึงพวกผู้บังคับการทางทหาร ส่วนกองทัพยูเครนเสริมว่า "รายละเอียดของการโจมตีจะมีการเปิดเผยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และผลลัพธ์คือการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บของพวกผู้รุกรานหลายสิบคน ในนั้นรวมถึงพวกผู้บังคับการระดับสูงของกองเรือ"

สำนักข่าวเอเอฟพีไม่ยืนยันข้อมูลดังกล่าว ขณะที่ฝ่ายรัสเซียบอกว่ามีกำลังพลของพวกเขาหนึ่งนายสูญหายหลังจากเหตุโจมตี

ทาร์นาฟสกี ระบุว่าความสำเร็จของปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในแนวหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำลายศูนย์บัญชาการต่างๆ เพื่อก่อความปั่นป่วนในสมรภูมิรบ

ส่วนการโจมตีใส่ไครเมีย ซึ่งรัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 ช่วยเพิ่มกำลังใจแก่ทหารยูเครน เขากล่าว พร้อมระบุ "มันช่วยเรา แต่มันยังมอบความหวังในอนาคตแก่เราอีกด้วย"

ที่สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ในนิวยอร์ก เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในวันเสาร์ (23 ก.ย.) กล่าวหาบรรดามหาอำนาจตะวันตก ว่าการมอบการสนับสนุนแก่ยูเครนของพวกเขา เท่ากับว่ามหาอำนาจตะวันตกเหล่านั้นเข้าสู่การทำสงครามโดยตรงกับมอสโกแล้ว "พวกคุณจะพูดอะไรก็ได้ แต่มันไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ" ลาฟรอฟระบุ

(ที่มา : เอเอฟพี)