ลิเบียยังคงอยู่ในอาการโซซัดโซเซเมื่อวันพุธ (13 ก.ย.) จากภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งมหึมาที่เข่นฆ่าชีวิตผู้คนไปหลายพันศพ เมื่อมวลน้ำซึ่งพุ่งสูงลิ่วซัดกระหน่ำสร้างความพินาศให้แก่เมืองเดอร์นา ที่อยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศ โดยยังมีอีก 10,000 คนที่สูญหายหาตัวไม่พบ ตามรายงานของกาชาด
ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์กำลังปรากฏเป็นรูปเป็นร่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีตุรกี, อียิปต์, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เป็นชาติแรกๆ ที่เร่งรีบเข้ามาช่วยเหลือประเทศในแอฟริกาเหนือซึ่งเคยร่ำรวยด้วยน้ำมันแต่ตกอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะสงครามยาวนานหลายสิบปีแห่งนี้
เมืองเดอร์นา ที่อยู่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถูกกระหนำใส่อย่างฉับพลันด้วยมวลน้ำท่วมท้นมหึมาเมื่อตอนดึกวันอาทิตย์ (10) ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่ามันรวดเร็วจนเหมือนกับเป็นคลื่นยักษ์สึนามิ ภายหลังจากที่เขื่อน 2 แห่งที่อยู่ตอนเหนือขึ้นไปของแม่น้ำเกิดแตก เมื่อไม่สามารถรับมือกับน้ำฝนที่กระหน่ำลงมาสืบเนื่องจากฤทธิ์ของพายุ “แดเนียล” ซึ่งพัดเล่นงานภูมิภาคแถบนี้
มวลน้ำที่เหมือนแนวกำแพงสูงลิ่ว ซึ่ง ยานน์ ฟรีเดซ หัวหน้าคณะผู้แทนของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศในลิเบีย บอกกับโทรทัศน์ฟรานซ์ 24 ของทางการฝรั่งเศส เอาไว้ว่ามีความสูงถึง 7 เมตร ได้กวาดอาคารหลายหลังจนพังครืนทั้งอาคาร รวมทั้งพวกยานพาหนะที่ขวางหน้า และผู้คนจำนวนมากทั้งที่อยู่ในอาคารและในรถรา ถูกซัดพาออกไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยศพของพวกเขาถูกพัดกลับมาเกยชายหาดต่างๆ ในเวลาต่อมา พร้อมๆ กับซากปรักหักพังและยวดยานซึ่งยับเยิน
พวกผู้รอดชีวิตที่เต็มไปด้วยบาดแผลทางจิตใจ พากันขุดซากหักพังของอาคารต่างๆ ที่ถูกคลุมไว้ด้วยดินโคลน เพื่อค้นหาศพผู้เสียชีวิต และหลายสิบร่างที่พบแล้วถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้าห่มวางรวมกันในที่โล่งก่อนที่จะถูกนำไปฝังในหลุมศพหมู่
สำหรับตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิต ปรากฏว่ายังเต็มไปด้วยความสับสน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลก็ยังให้ตัวเลขที่แตกต่างกันมาก กล่าวคือ เอเอฟพีรายงานว่า พันเอกทาเรค อัล-คาร์ราซ ผู้ทำหน้าที่โฆษกให้แก่กระทรวงมหาดไทยของรัฐบาลที่ปกครองลิเบียซีกตะวันออก แถลงว่านับถึงตอนบ่ายวันพุธ (13) ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแน่นอนอยู่ที่ 3,840 คน โดยตัวเลขนี้รวมถึงเหยื่อ 3,190 คนซึ่งได้รับการฝังศพแล้ว และชาวต่างประเทศอย่างน้อย 400 คนที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มาจากซูดานและอียิปต์
ขณะที่รอยเตอร์อ้างคำบอกเล่าของ ฮิเชม อบู ชกิอวต รัฐมนตรีกิจการการบินพลเรือนของคณะรัฐบาลที่บริหารฟากตะวันออกของลิเบีย ซึ่งระบุว่าจนถึงเวลานี้นับผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 5,300 คน โดยที่จำนวนน่าที่จะเพิ่มขึ้นอีกเป็นกอบกำ บางทีกระทั่งเป็นสองเท่าตัว เนื่องจาก “ท้องทะเลกำลังทิ้งศพออกมาทีละหลายสิบศพอย่างสม่ำเสมอ” เขาพูดทางโทรศัพท์
ทางด้านสำนักข่าวเอพี อ้างคำแถลงของ ออสซามะ อาลี ผู้ทำหน้าที่โฆษกให้แก่ศูนย์เหตุฉุกเฉินและรถฉุกเฉินในภาคตะวันออกของลิเบีย ที่กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เมื่อวันพุธ (13) ว่า เฉพาะในเมืองเดอร์นา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5,100 คนถูกบันทึกเอาไว้ แล้วยังพบตามที่อื่นๆ ในภาคตะวันออกลิเบียอีกราวๆ 100 คน ขณะที่ผู้บาดเจ็บในเดอร์นามีมากกว่า 7,000 คน
แต่เอพีบอกว่า ตามรายงานของสำนักข่าวที่ดำเนินการโดยรัฐบาลกล่าวว่า โมฮัมเหม็ด อบู-ลามูซา ผู้ทำหน้าที่โฆษกให้แก่กระทรวงมหาดไทยของลิเบียตะวันออก พูดเอาไว้เมื่อวันอังคาร (12) โดยให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตเฉพาะในเมืองเดอร์นา เอาไว้มากกว่า 5,300 คน เขากล่าวด้วยว่า ยังมีรายงานพบผู้เสียชีวิตอีกหลายสิบคนในเมืองเล็กแห่งต่างๆ ในภาคตะวันออกของลิเบีย
นอกจากผู้เสียชีวิตหลายพันคนแล้ว ทาเมอร์ รามาดัน จากสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศกล่าวว่า ยังมีผู้สูญหายอีก 10,000 คน
ทางด้านองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานระบุเมื่อวันพุธ (13) ว่า มีชาวลิเบียอย่างน้อย 30,000 คนในเมืองเดอร์นากลายเป็นคนไร้บ้านหลังจากน้ำท่วมฉับพลัน
เดอร์นาที่มีประชากรราว 100,000 คน ตั้งอยู่ห่างจากเบงกาซีซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศราว 300 กิโลเมตร เมืองนี้ล้อมรอบด้วยภูเขาและคั่นกลางแยกออกเป็นสองส่วนด้วยแม่น้ำที่ปกติแล้วจะแห้งเหือดในช่วงฤดูร้อน
หลายประเทศเสนอความช่วยเหลือเร่งด่วนและทีมค้นหาและกู้ภัยของบางประเทศได้เดินทางมาถึงแล้ว
สภาผู้ลี้ภัยนอร์เวย์ ซึ่งเป็นกลุ่มบรรเทาทุกข์ของนอร์เวย์ เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า หมู่บ้านหลายแห่งทางด้านตะวันออกของลิเบียถูกน้ำท่วมทั้งหมด และผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
“ภัยพิบัติล่าสุดจะทำให้สถานการณ์ของชุมชนทั่วลิเบียที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ปัญหาความยากจน และการพลัดถิ่นฐานมาเป็นแรมปี ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก โรงพยาบาลและที่พักพิงจะต้องรับภาระหนักเกินความสามารถ”
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยว่า ทีมกู้ภัยจากตุรกีก็เดินทางถึงภาคตะวันออกของลิเบียแล้ว ขณะที่สหประชาชาติ และอีกหลายประเทศ เช่น แอลจีเรีย อียิปต์ ฝรั่งเศส อิตาลี กาตาร์ และตูนีเซีย ต่างเสนอส่งความช่วยเหลือให้ลิเบีย
ฝรั่งเศสกำลังจัดส่งโรงพยาบาลสนาม รวมทั้งบุคลากรการแพทย์จากกองทัพและพลเรือน 50 คนไปช่วยรักษาผู้ประสบภัยวันละ 500 คน
ปัจจุบัน ลิเบียซึ่งเป็นประเทศที่อุดมด้วยน้ำมัน ยังอยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากสงครามและความวุ่นวายภายหลังการลุกฮือของประชาชนที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กระทั่งมีการโค่นล้มและสังหารผู้นำเผด็จการ โมอัมมาร์ กัดดาฟี ที่ปกครองประเทศนี้มายาวนาน ต่อจากนั้นประเทศนี้ก็ตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมือง
ลิเบียเวลานี้ถูกแบ่งแยกและปกครองด้วยรัฐบาล 2 ชุดที่เป็นศัตรูกัน ชุดหนึ่งนั้นได้รับการยอมรับจากนานาชาติและตั้งเมืองหลวงอยู่ในกรุงทริโปลีทางฝั่งตะวันตก ส่วนรัฐบาลอีกชุดอยู่ทางตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยในขณะนี้
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)