เหล่าผู้รอดตายจากแผ่นดินไหวครั้งนองเลือดที่สุดในอบกว่า 6 ทศวรรษของโมร็อกโก ต้องดิ้นรนหาอาหารและน้ำประทังชีวิต เช่นเดียวกับที่พักพิง ในขณะที่ในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายยังคงเดินหน้าต่อไปในหลายหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นมากกว่า 2,100 คนแล้ว และทำท่าว่าน่าจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีก
ชาวบ้านจำนวนมากยังคงหลับนอนในที่โล่งแจ้งเป็นคืนที่ 3 ตามหลังแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 6.8 เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ (8 ก.ย.) ในขณะที่ทีมกู้ภัยประสบปัญหาในการเข้าถึงหมู่บ้านต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุดบริเวณแถบเทือกเขาไฮแอตลาส
สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 2,122 ราย และบาดเจ็บ 2,421 คน ในขณะที่โมร็อกโกบอกว่าพวกเขาอาจยอมรับข้อเสนอบรรเทาทุกข์จากประเทศอื่นๆ และจะทำงานร่วมกับประเทศเหล่านั้นถ้ามีความจำเป็น
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับมรดกทางวัฒนธรรมของโมร็อกถูกพบเห็นมากยิ่งขึ้น ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานเกี่ยวกับการพังถล่มของมัสยิดเก่าแก่ยุคศวรรตที่ 12 แห่งหนึ่ง ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังก่อความเสียหายแก่พื้นที่บางส่วนของเมืองเก่ามาร์ราเกซ แหล่งมรดกโลกของยูเนสโก
ในหมู่บ้านมูเลย์ บราฮิม ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองมาร์ราเกซ ไปราว 40 กิโลเมตร ชาวบ้านใช้มือเปล่าช่วยกันขุดคุ้ยเอาศพผู้เสียชีวิตขึ้นมาจากซากปรักหักพัง และบนเชิงเขาแห่งหนึ่งที่มองเห็นทั้งหมู่บ้าน พบเห็นผู้คนกำลังประกอบพิธีฝังศพผู้หญิงวัย 45 ปีรายหนึ่ง ซึ่งเสียชีวิตพร้อมกับลูกชายวัย 18 ปี ญาติคนหนึ่งร้องไห้เสียงดังลั่น ตอนที่ร่างไร้วิญญาณถูกนำลงสู่หลุมศพ
ด้วยบ้านเรือนจำนวนมากสร้างจากอิฐโคลน ไม้ ซีเมนต์หรือคอนกรีตบล็อก สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้จึงพังถล่มอย่างง่ายดาย ทำให้แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็นหนที่เข่นฆ่าชีวิตผู้คนมากที่สุดของโมร็อกโกนับตั้งแต่ปี 1960 โดยคราวนั้น ฝแผ่นดินไหวลูกหนึ่งสังหารผู้คนไปอย่างน้อย 12,000 ราย
ในอามิซมิซ หมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วง พวกชาวบ้านพากันเฝ้ามองทีมกู้ภัยกำลังใช้เครื่องขุดขนาดใหญ่ขุดลงไปที่บ้านที่พังถล่มหลังหนึ่ง "พวกเขากำลังค้นหาชายคนหนึ่งกับลูกชายของเขา หนึ่้งในนั้นอาจยังคงมีชีวิตรอด" ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วทีมกู้ภัยพบแต่เพียงร่างไร้วิญญาณเท่านั้น
กองทัพที่ระดมกำลังพลเข้าช่วยเหลือความพยายามกู้ภัย ได้จัดตั้งเต็นท์พักพิงชั่วคราวแห่งหนึ่งสำหรับคนไร้บ้าน แต่อีกด้านหนึ่งด้วยที่ร้านค้าต่างๆ ได้รับความเสียหายหรือปิดทำการ ทำให้พวกชาวบ้านต้องดิ้นควานหาเสบียงและอาหารเพื่อประทังชีวิต
ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองมาร์ราเกซ ไปทางทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 72 กิโลเมตร ในขณะที่เมืองแห่งนี้เป็นที่นิยมในหมู่ชาวโมร็อกโกและนักท่องเที่ยวต่างชาติ สำหรับมัสยิดยุคกลาง พระราชวังต่างๆ และและโรงเรียนสอนศาสนาที่เก่าแก่สวยงาม
รัฐบาลเปิดเผยว่าได้จัดตั้งกองทุนสำหรับช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว และบอกด้วยว่ากำลังเร่งเสริมกำลังทีมช่วยเหลือและกู้ภัย มอบน้ำดื่ม แจกจ่ายอาหาร เต็นท์และผ้าห่ม ในขณะที่องค์การอนามัยโลก ประมาณการว่ามีประชาชนมากกว่า 300,000 คน ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้
สเปน เผยว่าเจ้าหน้าที่ 56 นาย และสุนัขดมกลิ่น 4 ตัว เดินทางถึงโมร็อกโกแล้ว และทีมที่ 2 ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 30 นาย และสุนัข 4 ตัว กำลังมุ่งหน้าไป ส่วนสหราชอาณาจักร เผยว่าได้ประจำการผู้เชี่ยวชาญด้านค้นหาและช่วยเหลือ 60 นาย พร้อมสุนัขดมกลิ่น 4 ตัว ในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) เช่นเดียวกับทีมประเมินด้านการแพทย์ 4 คน ขณะที่กาตาร์ บอกว่าทีมค้นหาและช่วยเหลือของพวกเขากำลังออกเดินทางไปโมร็อกโก
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าคณะทำงานชุดเล็กของผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติของอเมริกา ได้เดินทางถึงโมร็อกโกแล้วในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) เพื่อประเมินสถานการณ์ ส่วนฝรั่งเศสบอกว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือเช่นกัน และเวลานี้กำลังรอคำร้องขออย่างเป็นทางการจากโมร็อกโก
นอกจากนี้ ยังมีประเทศอื่นๆ ที่เสนอมอบความช่วยเหลือเช่นกัน ในนั้นรวมถึงตุรกี ซึ่งเผชิญแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เข่นฆ่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 50,000 ราย อย่างไรก็ตาม จนถึงวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) คณะทำงานของตุรกียังไม่ได้ออกเดินทาง
แคโรลีน โฮลท์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการนานาชาติแห่งสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) บอกกับรอยเตอร์ว่า "ช่วง 2 หรือ 3 วันข้างหน้า จะมีความสำคัญยิ่งสำหรับการค้นหาผู้คนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง" พร้อมเผยว่าระบบความช่วยเหลือนานาชาติกำลังรอคำเชิญจากโมร็อก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากรัฐบาลต้องประเมินความต้องการต่างๆ เสียก่อน
(ที่มา : รอยเตอร์)