บรรดาผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวรุนแรงสั่นสะเทือนโมร็อกโก กอดกันกลมยามค่ำคืนในที่โล่ง ณ แถบเทือกเขาไฮแอตลาสในวันเสาร์ (9 ก.ย.) หนึ่งวันหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งนองเลือดที่สุดของประเทศ ในรอบกว่า 6 ทศวรรษ โดยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดพุ่งเป็นกว่า 2,000 ราย และหลายหมู่บ้านพังราบเป็นหน้ากลอง
พวกเพื่อนบ้านยังคงค้นหาผู้รอดชีวิตที่ถูกฝังอยู่ตามเนินเขา ในขณะที่บ้านที่สร้างจากอิฐโคลน หินและไม้เนื้อแข็งเกิดการแตกร้าว และหอคอยสุเหร่าหลายแห่งพังถล่มลงมา จากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นในช่วงค่ำวันศุกร์ (8 ก.ย.) ทั้งนี้ เมืองมาราเกช เมืองเก่าแก่ที่เป็นดินแดนทางประวัติศาสตร์ ได้รับความเสียหายอย่างกว้างขวาง
กระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 2,012 คน และบาดเจ็บ 2,059 ราย ในนั้น 1,404 รายอาการสาหัส จากแผ่นดินไหวที่ทางสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ วัดความรุนแรงได้ที่ 6.8 และมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองมาราเกช ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 72 กิโลเมตร
ทีมช่วยเหลือยืนอยู่ด้านบนของอาคารแห่งหนึ่งที่พังถล่มเป็นชั้นๆ ในเมืองอามิซมิซ ขณะเดียวกัน พบเห็นผู้คนต่อแถวกันยาวเหยียดบริเวณด้านนอกของร้านค้าเพียงแห่งเดียวที่ยังเปิดอยู่ เนื่องจากพวกชาวบ้านต้องการข้าวของเครื่องใช้อย่างที่สุด
บ้านเกือบทุกหลังในพื้นที่อัสนิ ห่างจากเมืองมาราเกช ไปทางใต้ราว 40 กิโลเมตร ได้รับความเสียหาย และพวกชาวบ้านต้องใช้ชีวิตยามค่ำคืนในที่โล่ง และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร
แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสามารถสัมผัสได้ไกลถึงเมืองอวยลวา และฆาเอน ทางภาคใต้ของสเปน ในขณะะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่ามีประชาชนในเมืองมาราเกชและพื้นที่ข้างเคียงได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้มากกว่า 300,000 คน
ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งบนท้องถนนในเมืองมาราเกช เผยให้เห็นถึงวินาทีที่แผ่นดินไหวเริ่มเขย่า ทันใดนั้นพวกชาวบ้านก็มองไปรอบๆ และลุกขึ้นจากที่นั่งทันที ส่วนคนอื่นๆ ก็พากันวิ่งหนีไปหลบภัยในซอยแห่งหนึ่ง จากนั้นต้องหนีต่ออีกรอบหลังฝุ่นฟุ้งกระจายและเศษซากต่างๆ พังลงมาใกล้ๆ กับพวกเขา
ในย่านใจกลางเมืองเก่า ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก หอคอยสุเหร่าแห่งหนึ่งพังถล่มบริเวณจัตุรัสเจมา อัลฟานา บ้านเรือนบางหลังในเมืองเก่าที่แออัดแห่งนี้พังถล่มลงมาเช่นกัน และเบื้องต้นพวกชาวบ้านต้องใช้มือรื้อถอนเศษซากต่างๆ ระหว่างที่รอเครื่องไม้เครื่องมือหนักเข้ามาช่วยเหลือ
ทางการโมร็อกโกประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน โดยระหว่างนี้จะมีการลดธงชาติลงครึ่งเสาทั่วประเทศ
กองทัพโมร็อกโกจะส่งทีมช่วยเหลือไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกับน้ำดื่ม เสบียงอาหาร เต็นท์และผ้าห่ม ในขณะที่ตุรกี ชาติที่เผชิญแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เข่นฆ่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 50,000 ราย เป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่แสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันและเสนอมอบความช่วยเหลือ
แอลจีเรีย ซึ่งตัดขาดความสัมพันธ์กับ โมร็อกโก ในปี 2021 ตามหลังเกิดความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติเกี่ยวกับความขัดแย้งในเวสเทิร์นซาฮารา บอกเช่นกันว่าพวกเขาจะเปิดน่านฟ้าสำหรับเที่ยวบินด้านมนุษยธรรมและทางการแพทย์
แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความลึกอยู่แค่ 18.5 กิโลเมตร ซึ่งทำให้มันมีพลานุภาพทำลายล้างมากกว่าแผ่นดินไหวระดับลึกในความรุนแรงเดียวกัน ทั้งนี้มันถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งนองเลือดที่สุดของโมร็อกโกนับตั้งแต่ปี 1960 โดนหนนั้นมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12,000 ราย
เมืองมาราเกช มีกำหนดเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และเวิลด์แบงก์ ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 9 ตุลาคม ในเรื่องนี้โฆษกของไอเอ็มเอฟ ตอบคำถามเกี่ยวกับแผนการประชุมดังกล่าวว่า "ในเวลานี้สิ่งที่เราให้ความสำคัญเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ประชาชนชาวโมร็อกโกและพวกเจ้าหน้าที่ที่กำลังรับมือกับโศกนาฏกรรมนี้"
(ที่มา : รอยเตอร์)