ยูเครนและฝ่ายตะวันตกรุมประณาม กล่าวหารัสเซียโจมตีตลาดในเมืองคอสเตียนตินิฟกา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน ซึ่งเกิดขึ้นวันเดียวกับที่รัฐมนตรีต่างประเทศบลิงเคนของสหรัฐฯเยือนกรุงเคียฟโดยไม่เปิดเผยล่วงหน้า พร้อมแพ็คเกจความช่วยเหลือใหม่ ที่รวมถึงการจัดหากระสุนยูเรเนียมด้อยสมรรถนะซึ่งรัสเซียกล่าวหาว่า สะท้อนความโหดเหี้ยมของอเมริกาที่กำลังหลอกตัวเองด้วยการไม่ยอมรับว่า ปฏิบัติการรุกตอบโต้ของยูเครนล้มเหลว ขณะที่รัฐมนตรีช่วยกลาโหมมอสโกยังย้ำคำเตือนเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ และสำทับว่า การนำเอาอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีไปประจำการในเบลารุสคืบหน้าตามที่กำหนดไว้
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน ประณามกล่าวหารัสเซียโจมตีตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านในเมืองคอสเตียนตินิฟกา ซึ่งอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันพุธ (6 ก.ย.) และบอกว่า ปีศาจรัสเซียจะต้องพ่ายแพ้เร็วๆ นี้ เขาบอกว่าเชื่อว่า รัสเซียจงใจโจมตีพลเรือนใน “เมืองที่เงียบสงบ” แห่งนี้ เนื่องจากไม่มีหน่วยทหารตั้งอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุเลย
ตำรวจของเมืองนี้กล่าวว่า ตลาดมีผู้คนพลุกพล่านตอนที่ถูกโจมตีเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. รวมทั้งแผงขายของเกือบ 30 แห่ง อาคารอพาร์ตเมนต์ 1 แห่ง แบงก์ 1 แห่ง และรถหลายคันได้รับความเสียหาย
อิฮอร์ คลีเมนโก รัฐมนตรีมหาดไทยยูเครน แถลงภายหลังเสร็จสิ้นปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยว่า พบผู้เสียชีวิต 17 คน และได้รับบาดเจ็บ 32 คน
เมืองคอนสเตียนตินิฟกา ที่เคยมีประชากรราว 70,000 คนก่อนการรุกรานของรัสเซียเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว อยู่ห่างจากเมืองบัคมุต ที่มีการสู้รบดุเดือดมานานหลายเดือนประมาณ 30 กิโลเมตร
ทางด้านรัสเซียไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ทันที แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมามักยืนกรานอยู่เสมอว่า ไม่มีจุดประสงค์เข้าโจมตีพลเรือน
ด้านสหภาพยุโรประณามรัสเซียว่า การโจมตีพลเรือนโดยเจตนาถือเป็นอาชญากรรมสงคราม เช่นเดียวกับ อันนาเลนา แบร์บ็อก รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การรุกรานของรัสเซียเป็นการโจมตีกฎหมายระหว่างประเทศและมนุษยชาติ
ส่วนที่กรุงวอชิงตัน แครีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกหญิงของทำเนียบขาว แถลงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตอกย้ำความสำคัญในการคงการสนับสนุนประชาชนยูเครนที่กำลังพยายามปกป้องอธิปไตยของชาติ
การโจมตีเมืองคอสเตียนตินิฟกา เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ รัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน ของสหรัฐฯไปเยือนยูเครนโดยไม่มีการเปิดเผยล่วงหน้า โดยบลิงเคนย้ำขณะพบหารือกับเซเลนสกี้ที่กรุงเคียฟว่า วอชิงตันจะยืนหยัดสนับสนุนยูเครนในการต่อสู้เพื่อปลดแอกดินแดนทางภาคใต้และภาคตะวันออกที่ถูกรัสเซียยึดครอง รวมทั้งกล่าวยกย่องว่า ปฏิบัติการตอบโต้ของเคียฟมีความคืบหน้าสำคัญ
บลิงเคนยังประกาศความช่วยเหลือรอบใหม่ของสหรัฐฯที่มีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นความช่วยเหลือทางการทหารและความปลอดภัยของพลเรือน 665.5 ล้านดอลลาร์ และ 175 ล้านดอลลาร์จากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งก็รวมถึงการจัดส่งพวกกระสุนยูเรเนียมด้อยสมรรนะสำหรับรถถังเอบรามส์ ไปให้แก่ยูเครน นับเป็นครั้งแรกที่อเมริกาเตรียมจัดส่งกระสุนเจาะเกราะซึ่งมีพิษอันตรายนี้ให้เคียฟ
ทั้งนี้ กระสุนยูเรเนียมด้อยสมรรถนะเป็นผลพลอยได้จากการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียม และใช้ผลิตกระสุนเนื่องจากมีความหนาแน่นสูงทำให้สามารถเจาะเกราะป้องกันได้ อย่างไรก็ดี กระสุนชนิดนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักว่า ก่อความเสี่ยงต่อสุขภาพแก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งรวมถึงการเป็นโรคมะเร็งและการเกิดความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด ผ่านการกินหรือสูดดมผงยูเรเนียมด้อยสมรรถนะ
เซียร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาอเมริการะหว่างการประชุมด้านความมั่นคงเมื่อวันพฤหัสฯ (7 ก.ย.) ว่า อเมริกากำลังก่ออาชญากรรมด้วยการจัดหากระสุนยูเรเนียมด้อยสมรรถนะให้ยูเครน รวมทั้งฟ้องว่า อเมริกาไม่สนใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้อาวุธนี้ในเขตสงคราม
รยาบคอฟยังย้ำคำเตือนของรัสเซียก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์จาก “การกดดัน” ของตะวันตกต่อมอสโก และเสริมว่า การประจำการอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีในเบลารุสคืบหน้าตามที่กำหนดไว้
สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในวอชิงตันก็ประณามการตัดสินใจนี้เช่นกันว่า สะท้อนความโหดเหี้ยมของอเมริกาที่กำลังหลอกตัวเองด้วยการปฏิเสธที่จะยอมรับว่า ปฏิบัติการรุกตอบโต้ของยูเครนประสบความล้มเหลว
อนึ่ง เมื่อวันพุธเครมลินวิจารณ์ว่า การเยือนของบลิงเคนจะไม่มีผลใดๆ ต่อปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซีย และมอสโกเชื่อว่า อเมริกายังคงเดินหน้าแผนอัดฉีดกองทัพเคียฟให้สู้รบต่อจนกระทั่งถึงชาวยูเครนคนสุดท้าย
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)