ศาลแห่งในกรุงเตหะราน ออกคำสั่งให้รัฐบาลสหรัฐฯ จ่ายเงินชดใช้ 330 ล้านดอลลาร์ (ราว 11,500 ล้านบาท) เป็นค่าเสียหายสำหรับ "การวางแผนก่อรัฐประหาร" พยายามโค่นอำนาจรัฐบาลของรัฐอิสลามแห่งนี้ ย้อนกลับไปในปี 1980 จากคำตัดสินของผู้พิพากษารายหนึ่งเมื่อวันเสาร์ (26 ส.ค.)
1 ปีหลังเหตุปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน ปี 1979 ซึ่งโค่นล้มพระเจ้าชาห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ คนกลุ่มหนึ่งซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ทหารพยายามโค่นอำนาจรัฐบาลใหม่
สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ สื่อมวลชนแห่งรัฐ ระบุว่าการก่อขบถดังกล่าวนำโดยนายซาอีด มาห์ดิยูน อดีตผู้บัญชาการกองทัพอากาศอิหร่าน และมีกองบัญชาการในฐานทัพอากาศโนเยห์ ในจังหวัดฮาเมดัน ทางตะวันตกของประเทศ
มีหลายคนเสียชีวิตในเหตุปะทะระหว่างพวกวางแผนก่อรัฐประหารกับกองกองกำลังรัฐบาล และมีผู้ถูกจับกุมอีกหลายคน "เป้าหมายของพวกเขาคือยึดฐานทัพทหารต่างๆ ทั่วประเทศ เช่นเดียวกับเล็งเป้าไปที่ศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์และที่พักของพวกผู้นำปฏิวัติ อย่างไรก็ตาม ความพยายามของพวกเขาถูกทลายลง" สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอระบุ
เมื่อปีที่แล้ว ญาติๆ ของพวกผู้เสียชีวิตในเหตุรัฐประหาร พยายามยื่นคำร้องทางกฎหมายกับศาลระหว่างประเทศของอิหร่าน เรียกร้องค่าเสียหาย จากการเปิดเผยของเว็บไซต์ไมซาน ออนไลน์ ของศาลยุติธรรม พร้อมระบุว่ามีการกล่าวหาอย่างเฉพาะเจาะจงไปที่สหรัฐฯ สำหรับการ "วางแผนและดำเนินการ" รัฐประหาร
สุดท้ายแล้ว ศาลตัดสินตามคำร้องของพวกเขา ออกคำสั่งให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชำระเงินแก่ฝ่ายโจทก์ 30 ล้านดอลลาร์ในแง่ความเสียหายทางรูปธรรมและจิตใจ และค่าความเสียหายเชิงลงโทษอีก 300 ล้านดอลลาร์
เตหะรานและวอชิงตันไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูต มาตั้งแต่ตามหลังเหตุปฏิวัติอิสลามปี 1979
ในปี 1953 หน่วยข่าวกรองสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ บงการโค่นล้มนายกรัฐมนตรีโมฮัมหมัด มอสซาเดก ซึ่งยึดอุตสาหกรรมอันกำไรงามของอิหร่านกลับมาเป็นของรัฐ เพราะธุรกิจน้ำมันส่วนใหญ่ถูกอังกฤษควบคุม
เมื่อปี 2016 ศาลสูงแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ออกคำสั่งว่าทรัพย์สินของอิหร่านที่ถูกอายัดในสหรัฐฯ ควรถูกนำไปจ่ายชดเชยแก่เหยื่อเหตุโจมตีต่างๆ ที่ทางวอชิงตันกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือเตหะราน ในนั้นรวมถึงเหตุระเบิดค่ายนาวิกโยธินแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน ปี 1983 และเหตุระเบิดในซาอุดีอาระเบียปี 1996
ล่าสุดในเดือนมีนาคมปีนี้ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศพิพากษาว่าการที่วอชิงตันอายัดทรัพย์สินที่เป็นของบุคคลและนิติบุคคลอิหร่านนั้น "ไม่มีความสมเหตุสมผล" อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษายอมรับว่าศาลไม่มีขอบเขตอำนาจในการปลดล็อกทรัพย์สินของธนาคารกลางอิหร่านเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่ถูกอายัดโดยสหรัฐฯ
(ที่มา : วอยซ์ออฟอเมริกา)