เกาหลีเหนือ พยายามส่งดาวเทียมสอดแนมขึ้นสู่วงโคจรอีกรอบในวันพฤหัสบดี (24 ส.ค.) แต่มันจบลงด้วยความล้มเหลวเช่นเคย ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ ไม่กี่เดือนหลังจากการปล่อยดาวเทียมครั้งแรกของเปียงยาง ลงเอยด้วยการที่มันตกลงสู่มหาสมุทร ไม่นานหลังจากทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้วางโครงการพัฒนาการสอดแนมบนท้องฟ้า เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญในลำดับต้นๆ โดยอ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับประเทศที่ติดอาวุธนิวเคลียร์ของเขาที่ต้องถ่วงดุลความเคลื่อนไหวด้านการทหารที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคแถบนี้
สื่อมวลชนแห่งรัฐรายงานว่า "สำนักงานพัฒนาการบินและอวกาศแห่งชาติเกาหลีเหนือ ทำการยิงดาวเทียมสอดแนมมันลียง-1 (Malligyong-1) เป็นครั้งที่ 2 บนจรวดบรรทุกรุ่นใหม่ชอลลีมา-1 (Chollima-1) ณ ฐานปล่อยดาวเทียมโซแฮ ในเขตโชลซัน จังหวัดเปียงกันเหนือ ตอนเช้ามืดของวันที่ 24 สิงหาคม"
"การบินขั้นแรกและขั้นที่ 2 ของจรวดเป็นไปตามปกติ แต่การปล่อยประสบความล้มเหลว สืบเนื่องจากความขัดข้องในระบบปะทุระเบิดฉุกเฉิน ระหว่างการบินขั้นที่ 3" รายงานของสำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) ระบุ พร้อมอ้างว่า "ต้นตอของอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องไม่ใช่เรื่องใหญ่" และประกาศจะทำการทดสอบหนที่ 3 ในเดือนตุลาคม หลังจากตรวจสอบปัญหาและใช้มาตรการต่างๆ แก้ไขมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ เปิดเผยว่าพวกเขาตรวจจับการยิงได้ตอนเวลา 3.50 น.(ตรงกับเมืองไทย 01.50 น.) ในสิ่งที่เกาหลีเหนืออ้างว่าเป็นการปล่อยยานส่งจรวด พร้อมระบุจรวดดังกล่าวพุ่งผ่านน่านฟ้าสากลเหนือทะเลเหลือง "กองทัพของเราคงไว้ซึ่งการเตรียมพร้อมอย่างเต็มรูปแบบ และมีการประสานงานกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด"
รัฐบาลญี่ปุ่นตรวจพบสัญญาณการปล่อยจรวดเป็นชาติแรก โดยบอกว่าเปียงยางใช้เทคโนโลยีขปนาวุธแบบทิ้งตัวต้องห้าม และจรวดพุ่งผ่านน่านฟ้าของประเทศใกล้โอกินาวา "การยิงล่าสุดของเกาหลีเหนือเป็นปัญหาอย่างร้ายแรงจากมุมมองเกี่ยวกับการรับประกันความปลอดภัยแก่พลเรือนที่ได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับเครื่องบินและเหล่าเรือทั้งหลาย" โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าว
เปียงยางแจ้งกับยามชายฝั่งญี่ปุ่นเมื่อวันอังคาร (22 ส.ค.) ว่าการปล่อยดาวเทียมครั้งนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม ถึง 31 สิงหาคม กระตุ้นให้โตเกียวระดมเรือและระบบป้องกันขีปนาวุธ PAC-3 รับมือกรณีที่มันอาจตกลงดินแดนของพวกเขา
การยิงครั้งนี้มีขึ้นไม่กี่วันหลังจากพวกผู้นำสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น พบปะกันที่แคมป์เดวิด ในอเมริกา และมีขึ้นหลังจากสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เปิดฉากการซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ในวันจันทร์ (21 ส.ค.) ในขณะที่การซ้อมรบประจำปีที่ใช้ชื่อว่า Ulchi Freedom Shield ซึ่งจะมีไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม มักก่อความเดือดดาลแก่เปียงยางอยู่ตลอด และตกเป็นเป้าหมายของพวกแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ
ในเดือนพฤษภาคม เปียงยางยิงสิ่งที่พวกเขาให้คำจำกัดความว่าเป็นดาวเทียมสอดแนมทางทหารดวงแรกของประเทศขึ้นสู่วงโคจร แต่จรวดที่บรรทุกมัน ชอลลีมา-1 เกิดดิ่งลงสู่ทะเลไม่กี่นาทีหลังจากทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เหตุร่วงหล่นสู่ทะเลดังกล่าว กระตุ้นให้เกาหลีใต้ลงมือปฏิบัติการเก็บกู้ที่ยากลำบากและซับซ้อนเป็นเวลา 36 วัน เกี่ยวข้องกับกองเรือกู้ภัยของกองทัพเรือ เรือกวาดทุ่นระเบิดและนักประดาน้ำทะเลลึก ทั้งนี้ ชิ้นส่วนจรวดและดาวเทียมที่เก็บกู้มาได้ถูกนำไปวิเคราะห์โดยพวกผู้เชี่ยวชาญในเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ซึ่งต่อมาบอกว่ามันไม่มีลักษณะที่เป็นประโยชน์ด้านการทหารในฐานะดาวเทียมสอดแนม
ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลี แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี และการทูตหยุดชะงัก หลังจากความพยายามพูดคุยปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ประสบความล้มเหลวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ประกาศว่าเกาหลีเหนือเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ไม่อาจย้อนกลับได้ และเรียกร้องให้ประเทศของเขายกระดับกำลังผลิตอาวุธ ในนั้นรวมถึงอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี
(ที่มา : เอเอฟพี)