รัฐบาลเกาหลีเหนือแจ้งไปยังญี่ปุ่นวันนี้ (22 ส.ค.) ว่ามีแผนที่จะส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 24-31 ส.ค. ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งที่ 2 ในปีนี้ ขณะที่โซลและโตเกียวพร้อมใจส่งเสียงประณามว่าเป็นการกระทำที่ “น่าผิดหวังอย่างยิ่ง”
ทางการเปียงยางได้แจ้งให้หน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่นทราบว่า จรวดส่งดาวเทียมโสมแดงจะเดินทางผ่านทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นน่านน้ำที่ญี่ปุ่นถือว่าอยู่นอกเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของตนเอง
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ได้จัดการประชุมซัมมิตไตรภาคีที่ “แคมป์เดวิด” ในรัฐแมริแลนด์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความร่วมมือป้องปรามภัยคุกคามจากจีนและเกาหลีเหนือ
รัฐบาลโสมแดงเคยพยายามส่งดาวเทียมสอดแนมขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ทว่าจรวดชอลลิมา-1 (Chollima-1) ได้ร่วงตกลงสู่ทะเล เนื่องจากระบบเครื่องยนต์และเชื้อเพลิงยังไม่เสถียร ตามรายงานของสื่อ KCNA
นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่นเรียกร้องวานนี้ (21) ให้เกาหลีเหนือระงับแผนการปล่อยดาวเทียม พร้อมระบุว่าโตเกียวกำลังรวบรวมข้อมูล และเตรียมระบบป้องกันขีปนาวุธ PAC-3 ให้พร้อมยิงสกัดจรวดโสมแดงได้ทันทีหากมีแนวโน้มจะก่อภัยคุกคามต่อดินแดนของญี่ปุ่น
“การส่งจรวดจะเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง” ผู้นำญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์
ด้านกระทรวงการรวมชาติของเกาหลีใต้ซึ่งดูแลกิจการข้ามแดนก็ออกมาเตือนให้เกาหลีเหนือหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมายและละเมิดมติของสหประชาชาติ ซึ่งห้ามไม่ให้โสมแดงใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธทุกรูปแบบ
“มันไม่มีเหตุผลอันสมควร ไม่ว่าเกาหลีเหนือจะอ้างอย่างไรก็ตาม” กระทรวงการรวมชาติระบุ
การส่งดาวเทียมเมื่อเดือน พ.ค. ถือเป็นความพยายามครั้งที่ 6 ของเกาหลีเหนือ และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 โดยเปียงยางนั้นมุ่งหวังที่จะใช้ดาวเทียมเพื่อเฝ้าติดตามกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ
เกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้สั่งอพยพประชาชนบางส่วนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ทว่าสุดท้ายก็ไม่มีรายงานความเสียหายเกิดขึ้น ขณะที่กองทัพเกาหลีใต้ได้ส่งทีมประดาน้ำลงเก็บกู้ซากชิ้นส่วนจรวดและดาวเทียมโสมแดง ก่อนจะพบว่ามัน “ไม่มีประโยชน์ในทางการทหาร”
ที่มา : รอยเตอร์