xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้หารือที่ ‘แคมป์เดวิด’ ประกาศยกระดับความร่วมมือต้าน ‘จีน-เกาหลีเหนือ’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ พร้อมด้วยผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ลงความเห็นพ้องระหว่างการประชุมหารือที่ “แคมป์เดวิด” รัฐแมริแลนด์เมื่อวันศุกร์ (18 ส.ค.) โดยระบุว่าทั้ง 3 ชาติจะยกระดับความร่วมมือทั้งในด้านเศรษฐกิจและการทหาร และยังออกคำแถลงร่วมประณามพฤติกรรมอัน “ก้าวร้าวและอันตราย” ของจีนในทะเลจีนใต้

ประชุมซัมมิตระหว่างไบเดน กับประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล แห่งเกาหลีใต้ และนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของทั้ง 3 ชาติ ท่ามกลางการแผ่สยายอิทธิพลของจีนและภัยคุกคามนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ

คำแถลงร่วมภายหลังการประชุมระบุว่า สหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นต่างให้คำมั่นสัญญาที่จะปรึกษาหารือซึ่งกันและกันในยามวิกฤต และจะทำงานอย่างสอดประสานกันเพื่อตอบสนองความท้าทาย การยั่วยุ และภัยคุกคามต่างๆ ในภูมิภาคที่กระทบต่อผลประโยชน์ร่วม

ผู้นำทั้งสามยังตกลงที่จะจัดการซ้อมรบร่วมประจำปี และแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือแบบเรียลไทม์ภายในสิ้นปี 2023 นอกจากนี้ยังรับปากว่าจะมีการประชุมซัมมิตไตรภาคีเช่นนี้ในทุกๆ ปี

แม้คำสัญญาเหล่านี้จะยังไปไม่ถึงขั้นประกาศตั้งกลุ่มพันธมิตร 3 ฝ่ายแบบเป็นทางการ แต่ก็ถือเป็นย่างก้าวที่เด็ดเดี่ยวสำหรับโซลและโตเกียวซึ่งมีความบาดหมางทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ยุคที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเข้ายึดครองคาบสมุทรเกาหลีในช่วงปี 1910-1945

ซัมมิตไตรภาคีที่บ้านพักตากอากาศของผู้นำสหรัฐฯ ในรัฐแมริแลนด์ยังถือเป็นการหารือ 3 ฝ่ายที่ไม่ยึดโยงกับการประชุมนานาชาติอื่นๆ และนับเป็นผลพวงจากวิสัยทัศน์ของ ยุน ซึ่งเล็งเห็นความจำเป็นที่เกาหลีใต้จะต้องปรองดองกับญี่ปุ่นเพื่อร่วมกันต่อต้านภัยคุกคามจากจีน เกาหลีเหนือ รวมไปถึงรัสเซียหลังจากที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เปิดสงครามรุกรานยูเครน


ผู้นำทั้ง 3 ชาติยังกล่าวถึงจีนด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเป็นพิเศษ ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นให้ปักกิ่งซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นต้องออกมาตอบโต้

“ในส่วนของพฤติกรรมที่อันตรายและก้าวร้าวในการอ้างกรรมสิทธิ์ทางทะเลอย่างผิดกฎหมายที่เราได้เห็นสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) กระทำอยู่ในทะเลจีนใต้ เราขอประกาศคัดค้านอย่างรุนแรงต่อความพยายามฝ่ายเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันของน่านน้ำในอินโด-แปซิฟิก” คำแถลงร่วมระบุ

หลิว เผิงอี๋ว์ (Liu Pengyu) โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออกมาระบุว่า ประชาคมโลกย่อมสามารถตัดสินได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้กระพือความขัดแย้ง

“ความพยายามจับกลุ่มเป็นการเฉพาะเจาะจง และการตั้งกลุ่มทางทหารเพื่อยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าขึ้นในเอเชีย-แปซิฟิกจะไม่ได้รับการสนับสนุน และมีแต่จะเผชิญการเฝ้าระวังและเสียงคัดค้านจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเท่านั้น”


นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ ไบเดน เป็นเจ้าภาพจัดประชุมซัมมิตกับผู้นำต่างชาติที่แคมป์เดวิด ซึ่งตัวเขาเองระบุว่าเป็นสัญลักษณ์แทน “พลังแห่งการเริ่มต้น และความเป็นไปได้ใหม่ๆ”

ไบเดน ยังกล่าวชมความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในทางการเมืองของ ยุน และ คิชิดะ พร้อมระบุว่าผู้นำทั้งสองมีความตระหนักว่า “โลกได้เดินมาถึงจุดพลิกผัน และเราถูกเรียกร้องให้ต้องเป็นผู้นำแนวทางใหม่ๆ ทำงานร่วมกัน และยืนหยัดร่วมกัน”

“สิ่งที่สำคัญยิ่งก็คือ เราได้ให้คำมั่นต่อกันว่าจะปรึกษาหารืออย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองภัยคุกคาม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับประเทศใดในหมู่เราทั้งสาม และไม่ว่าภัยคุกคามนั้นจะมาจากแหล่งใด... นั่นหมายความว่าเราจะมีการเปิดสายด่วนเพื่อแชร์ข้อมูล และร่วมกันตอบสนองเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ขึ้นในภูมิภาค หรือวิกฤตการณ์ที่กระทบต่อประเทศใดประเทศหนึ่งในหมู่พวกเรา”

ไบเดน ย้ำด้วยว่า “เราจะร่วมกันยืนหยัดปกป้องกฎหมายระหว่างประเทศ” และต่อต้าน “พฤติกรรมข่มขู่”

ด้านผู้นำญี่ปุ่นก็ได้มีการกล่าวพาดพิงพฤติกรรมของจีน โดยไม่เอ่ยชื่อประเทศออกมาตรงๆ

“ความพยายามฝ่ายเดียวที่จะใช้กำลังเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ยังคงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา” คิชิดะ กล่าว พร้อมระบุว่าภัยคุกคามจากขีปนาวุธและโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ “ก็ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ”

ในส่วนของประธานาธิบดี ยุน ก็ระบุว่า ข้อตกลงในการประชุมซัมมิตครั้งนี้หมายความว่า “การยั่วยุหรือการโจมตีใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นกับหนึ่งใน 3 ประเทศจะนำไปสู่กระบวนการตัดสินใจภายใต้กรอบการทำงาน 3 ฝ่าย และความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างเราทั้ง 3 ชาติจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น”


เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยอมรับว่า ปมปัญหาทางประวัติศาสตร์เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทั้ง 3 ชาติยังไม่สามารถก้าวไปถึงขั้นทำข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันร่วม 3 ฝ่าย (three-way mutual-defense pact) ในลักษณะเดียวกับที่สหรัฐฯ ทำกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่นแยกกัน

กระนั้นก็ตาม เคิร์ต แคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานฝ่ายกิจการอินโด-แปซิฟิกของ ไบเดน ระบุว่า การประชุมซัมมิต 3 ฝ่ายครั้งนี้เกิดขึ้นได้เพราะความพยายามทางการทูตของ ยุน และ คิชิดะ “ซึ่งบางครั้งก็เลือกที่จะมองข้ามข้อเสนอแนะจากเหล่าที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ของตนเอง”

จีนเคยออกมาย้ำเตือนหลายครั้งว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะยกระดับความร่วมมือกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น “จะยิ่งกระพือความตึงเครียดและการเผชิญหน้าในภูมิภาค” โดยปักกิ่งนั้นเชื่อว่าวอชิงตันมีเจตนาโดดเดี่ยวจีนในทางการทูต และใช้ยุทธศาสตร์การทหารเพื่อปิดล้อมจีน

เมื่อถูกสื่อตั้งคำถามเรื่องที่จีนกล่าวหาว่าสหรัฐฯ กำลังพยายามสร้าง “นาโตเวอร์ชันเอเชีย” เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ระบุว่า วอชิงตันไม่ได้มีเจตนาสร้างนาโตในแปซิฟิก อีกทั้งการตั้งกลุ่มพันธมิตรไตรภาคีระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ก็ไม่ได้ถูกกำหนดเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน

ที่มา : รอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น