ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวอ้างเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ว่าเวียดนาม ต้องการเป็น "หุ้นส่วน" ของอเมริกา และเผยว่าเขาจะเดินทางเยือนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ในอนาคตอันใกล้
"ผมกำลังจะเดินทางไปยังเวียดนามในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะว่าเวียดนามต้องการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์กับเรา และกลายมาเป็นหุ้นส่วนกับเรา" ไบเดน กล่าว ณ กิจกรรมหนึ่งในนิวเม็กซิโก อย่างไรก็ตามสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ อาจด่วนพูดเกินไป เนื่องจากในส่วนของทำเนียบขาวนั้นปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อคำพูดดังกล่าว
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนาม ไม่มีอยู่จริงมานานหลายทศวรรษ หลังจากอเมริกาถอนกำลังออกจากประเทศแห่งนี้ในปี 1973 ประธานาธิบดีบิล คลินตัน กลับมาสถาปนาความสัมพันธ์กับฮานอยอีกครั้งในปี 1995 และตอนนี้ทั้งสหรัฐฯ และเวียดนามต่างมีความสุขกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันปกติ แม้จีนยังคงเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดและผู้ลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ในขณะที่รัสเซียเป็นคู่หูทางทหารหลักของฮานอย
แม้อย่างเป็นทางการแล้ว จีนและเวียดนามมีอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ร่วมกัน แต่ความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ทางทะเลของปักกิ่งในทะเลจีนใต้
ในความเห็นเมื่อวันอังคาร (8 ส.ค.) ไบเดน บ่งชี้ว่าสหรัฐฯ กำลังเห็นโอกาสดึงเวียดนามเข้าสู่วงโคจรของอเมริกา "เราพบว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์หนึ่งซึ่งสิ่งต่างๆ ทั่วโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ในช่วงเวลาที่เรามีโอกาสที่จะเปลี่ยนพลวัต" เขากล่าว พร้อมระบุว่าความสวามิภักดิ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ ไบเดน เคยแสดงความคิดเห็นคล้ายกันระหว่างหาเสียงในรัฐเมน เมื่อเดือนที่แล้ว "ผมได้รับโทรศัพท์จากประมุขแห่งเวียดนาม ซึ่งต้องการพบปะกับผม ตอนที่ผมเดินทางไปจี-20" เขากล่าวอ้างถึงการประชุมจี-20 ในอินเดีย ในเดือนหน้า "เขาต้องการยกระดับเราเป็นคู่หูสำคัญ เช่นเดียวกับรัสเซียและจีน แล้วพวกคุณคิดอย่างไรในเรื่องนี้? ผมไม่มีพูดเล่นนะ"
เช่นเดียวกับที่พูดในนิวเม็กซิโก ไบเดน ประกาศในรัฐเมนว่า "โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่"
อย่างไรก็ตาม จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว หลังจาก ไบเดน พูดย้ำหนล่าสุด ว่า "ผมไม่มีอะไรพูดในวันนี้" อ้างถึงแผนการเดินทางเยือนเวียดนาม ตามคำกล่าวอ้างของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
"เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเวียดนาม และความสัมพันธ์นั้นกำลังดีขึ้น" เขากล่าว "เราจะเดินหน้ามองหาโอกาสปรับปรุงความสัมพันธ์ และพวกเขาคือส่วนสำคัญ ในส่วนสำคัญยิ่งของโลกใบนี้"
ทั้งนี้ เวียดนามเป็นสมาชิกของกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก กลุ่มเศรษฐกิจแบบหลวมๆ ที่แถลงโดยไบเดนเมื่อปีที่แล้ว โดยแม้กรอบความร่วมมือดังกล่าวไม่ใช่สนธิสัญญาหรือข้อตกลงการค้าอย่างเป็นทางการ แต่กระนั้นปักกิ่งมองว่ามันเป็นการส่งสัญญาณความพยายามโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจและยุแยงเผชิญหน้ากับจีน
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)