หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เตรียมเดินทางเยือนสิงคโปร์ มาเลเซีย และกัมพูชาระหว่างวันพฤหัสฯ ถึงวันอาทิตย์นี้ (10-13 ส.ค.) เพื่อกระชับสัมพันธ์กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของอเมริกา เล็งเยือนเวียดนาม “เร็วๆ นี้” เนื่องจากฮานอยต้องการยกระดับความสัมพันธ์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของอเมริกา
กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันพุธ (9 ส.ค.) ว่า หวังที่กลับเข้ารับตำแหน่งนี้อีกครั้งเมื่อเดือนที่แล้ว ภายหลังการหายหน้าไปจากสื่อโดยไร้คำอธิบายของฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศคนก่อนหน้านี้ จะเดินทางเยือน 3 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างวันพฤหัสฯ ถึงวันอาทิตย์ เพื่อเสริมสร้างการสื่อสารเชิงยุทธ์ศาสตร์กับประเทศเหล่านี้
ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร (8 ส.ค.) ไบเดนเปิดเผยระหว่างปราศรัยในงานระดมทุนที่นิวเม็กซิโกว่า จะเดินทางเยือนเวียดนามเร็วๆ นี้ เนื่องจากฮานอยต้องการยกระดับความสัมพันธ์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของอเมริกา
ก่อนหน้านี้ ระหว่างพบกับนายกรัฐมนตรีฝั่ม มิญ จิ๊ญของเวียดนามเมื่อเดือนเมษายน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความต้องการที่จะกระชับความสัมพันธ์ขณะที่วอชิงตันพยายามกระชับมิตรกับหุ้นส่วนในเอเชียเพื่อต่อต้านความก้าวร้าวที่เพิ่มมากขึ้นของจีน
บลิงเคนยังแสดงความหวังว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นใน “ไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนข้างหน้า”
ทั้งนี้ วอชิงตันพยายามยกระดับความสัมพันธ์กับฮานอยเป็นหุ้นส่วน “เชิงยุทธศาสตร์” จากสถานะหุ้นส่วน “ที่ครอบคลุม” เมื่อทศวรรษที่แล้ว แม้เวียดนามยังระมัดระวังเนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวเสี่ยงที่จะเป็นการสร้างศัตรูกับจีน เพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ที่จัดหาผลผลิตสำคัญสำหรับการส่งออกของเวียดนาม หรือกับรัสเซียซึ่งเป็นหุ้นส่วนดั้งเดิม
นอกจากนั้น เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ไบเดนกล่าวในงานระดมทุนที่รัฐเมนว่า เขาได้รับสายจาก “ผู้นำเวียดนาม” ที่ต้องการนัดพบระหว่างการประชุมจี20 ที่อินเดียในวันที่ 9-10 เดือนหน้า
ประมุขทำเนียบขาวเสริมว่า ผู้นำฮานอยต้องการยกระดับอเมริกาเป็นหุ้นส่วนสำคัญเช่นเดียวกับรัสเซียและจีน ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า บุคคลที่ไบเดนกล่าวถึงคือ เหงียน ฟู้ จ่อง หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่หารือทางโทรศัพท์กับไบเดนเมื่อเดือนมีนาคม
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้ระบุว่า ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดอาจหมายถึงสิ่งใด ทว่า ผู้เชี่ยวชาญบางรายระบุว่า อาจรวมถึงการเพิ่มความร่วมมือทางการทหารและการจัดหาอาวุธให้เวียดนาม
ทั้งวอชิงตันและบริษัทอาวุธของอเมริกาต่างประกาศอย่างเปิดเผยว่า ต้องการเพิ่มการจัดหาทางทหารให้เวียดนาม ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ยังจำกัดอยู่ที่เรือยามฝั่งและการฝึกเกี่ยวกับเครื่องบิน ขณะที่เวียดนามต้องการลดการพึ่งพิงรัสเซียที่ยังคงเป็นซัปพลายเออร์หลัก
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงทางการทหารระหว่างเวียดนามกับอเมริกาอาจเผชิญอุปสรรคที่รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะถูกสมาชิกคองเกรสขัดขวางจากกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)
