เอพี/เอเจนซีส์ - มีรายงานกลุ่มรัฐประหารไนเจอร์ขอความช่วยเหลือกลุ่ม “วากเนอร์” ของรัสเซีย เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยระหว่างอยู่ในอำนาจหลังกำหนดเส้นตาย ECOWAS ใกล้เข้ามาท่ามกลางกองกำลังตะวันตกยังคงอยู่ในประเทศ ด้านประธานาธิบดี เอ็มมานุแอล มาครง หัวเสียหนักชี้นิ้วหน่วยข่าวกรองลับแดนน้ำหอม DGSE พลาดร้ายแรงไม่รู้ระแคะระคายล่วงหน้ากบฏในไนเจอร์
เอพีรายงานวันนี้ (6 ส.ค.) ว่า คำขอไปยังกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์เกิดขึ้นระหว่างการเยือนโดยหัวหน้าคณะรัฐประหาร พล.อ.ซาลิฟู โมดี (Gen. Salifou Mody) ไปยังมาลีประเทศเพื่อนบ้าน และทำการติดต่อกับใครบางคนจากกลุ่มวากเนอร์ วาสซิม นาสร์ (Wassim Nasr) นักข่าวและนักวิจัยอาวุโสประจำศูนย์ซูฟาน (Soufan Center) เปิดเผยกับเอพี
นาสร์ให้ข้อมูลต่อว่า แหล่งข่าวมาลี 3 คนและนักการทูตฝรั่งเศส 1 คนได้ยืนยันข่าวการพบกันระหว่างหัวหน้าคณะรัฐประหารไนเจอร์และกลุ่มวากเนอร์ การพบกันถูกรายงานครั้งแรกโดยฟรานซ์ 24
“พวกเขาต้องการ (กลุ่มวากเนอร์) เพราะคนเหล่านั้นจะกลายเป็นหลักประกันของพวกเขาในการยึดครองอำนาจ” วาสซิม นาสร์กล่าว
มีการเปิดเผยออกมาจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตะวันตกที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า กลุ่มทหารรับจ้างรัสเซียกำลังพิจารณาคำขอในเวลานี้
เอพีรายงานว่า ไนเจอร์ถูกมองว่าเป็นพันธมิตรสุดท้ายของชาติตะวันตกภายในภูมิภาคในการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการก่อกบฏและเกิดรัฐประหารขึ้นในภูมิภาค และบรรดากลุ่มรัฐประหารเหล่านั้นปฏิเสธ “ฝรั่งเศส” และหันไปหา “รัสเซีย” แทน
เอพีชี้ว่า อย่างไรก็ตามสำหรับในกรณีของไนเจอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสชี้ว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถพูดได้ว่า “รัสเซีย” เกี่ยวข้องโดยตรงกับรัฐประหารในไนเจอร์ ซึ่งไม่กี่วันหลังเกิดรัฐประหารพบประชาชนไนเจอร์ต่างพากันโบกธงชาติรัสเซียตามท้องถนน
โฆษกกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสอธิบายว่า “วากเนอร์เปรียบเสมือนใบเสร็จสำหรับความโกลาหล”
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับสภากลาโหมฝรั่งเศสยืนยันในเรื่องกลุ่มทหารรับจ้างรัสเซียช่วยผู้บัญชาการทหารกองทัพมาลีโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีมาลี บาห์ นดอว์ (Bah Ndaw) เมื่อปี 2021 อ้างอิงจากเดลีเทเลกราฟของอังกฤษ
เอพีรายงานว่า กลุ่มรัฐประหารไนเจอร์กำลังเผชิญหน้ากับเส้นตายของประชาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐแอฟริกาตะวันตก ECOWAS แห่งแอฟริกาที่สั่งให้คณะรัฐประหารต้องปล่อยตัวและสถาปนากลับคืนประธานาธิบดีไนเจอร์ โมฮัมหมัด บาซูม (Mohamed Bazoum) ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งบาซูมกล่าวว่าเขาเป็นตัวประกัน
รัฐมนตรีกลาโหมจากชาติสมาชิก ECOWAS ได้อนุมัติขั้นสุดท้ายสำหรับแผนเข้าแทรกแซงในวันศุกร์ (4) พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดากองทัพทั้งหลายจัดเตรียมทรัพยากรของตัวเองให้พร้อมเพรียงหลังทีมไกล่เกลี่ยที่ถูกส่งไปไนเจอร์ในวันพฤหัสบดี (3) ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่เมืองหลวงหรือพบกับหัวหน้าคณะรัฐประหาร พล.อ.อับดุลราห์มานี ทชีอานี (Gen. Abdourahmane Tchiani)
เอพีกล่าวว่า ในเวลานี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดสำหรับแผนการแทรกแซงของกลุ่ม ECOWAS เป็นเช่นไรและไม่แม่ชัดว่าจะเริ่มต้นเมื่อไหร่และจะได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังตะวันตกหรือไม่
อ้างอิงจากสื่ออัลญะซีเราะห์ของกาตาร์พบว่า มีกองกำลังชาติตะวันตกประจำอยู่ในไนเจอร์กว่า 2,000 นาย ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ซึ่งหลังไนเจอร์เกิดรัฐประหาร บรรดาชาติตะวันตกต่างถอนความช่วยเหลือหรือระงับไว้ชั่วคราว
ขณะที่ฝรั่งเศสอดีตเจ้าอาณานิคมยังเถียงกันไม่เลิก เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (4) ว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานุแอล มาครง ออกมากล่าวหาหน่วยข่าวกรองลับแดนน้ำหอม DGSE ซึ่งเทียบกับหน่วย MI6 ของอังกฤษ ทำงานพลาดขั้นร้ายแรงไม่รู้ระแคะระคายล่วงหน้ากบฏในไนเจอร์ระหว่างการประชุมกับผู้อำนวยการ DGSE สัปดาห์ที่แล้ว
แต่ทว่าหน่วยข่าวกรองฝรั่งเศสโต้มาครงกลับไปว่า ทาง DGSE ได้ส่งรายงานให้คำแนะนำแก่ทำเนียบปาแลเดอเลลีเซ ให้ส่งกองกำลังออกไปปกป้องประธานาธิบดีไนเจอร์ในกรุงนีอาเม แต่กลับโดนปฏิเสธกลับมา อ้างวิตกกลัวจะโดนข้อหาใช้อำนาจเจ้าอาณานิคมเก่า
“ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกิดการรัฐประหาร DGSE..ได้ยื่นคำแนะนำต่อรัฐบาลฝรั่งเศสในการตั้งสมาชิกกองกำลังรบพิเศษในทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงนีอาเม แต่คำตอบคือ “ไม่” ซึ่งมันอาจถูกแปลว่าเป็นลัทธิล่าอาณานิคม พวกเราไม่สามารถอยู่ใน Françafrique (การรักษาขอบเขตอิทธิพลของฝรั่งเศส)ได้” Georges Malbrunot นักข่าวชื่อดังจาก Le Figaro และเจ้าของหนังสือ France’s waning influence in the Middle East แสดงความเห็น
ด้าน Le Canard enchaîné สื่อแดนน้ำหอมรายงานคำกล่าวของมาครงว่า “ไนเจอร์นั้นตามมาลี ซึ่งนั่นมันมาก” และกล่าวต่อด้วยอารมณ์เดือดดาลต่อหน่วยข่าวกรองฝรั่งเศสของเขาว่า “พวกเราสามารถมองได้ว่า วิธีการทำงานของ DGSE นั้นไม่น่าพอใจ เพราะเมื่อคุณมองไม่เห็นในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น นั่นถือเป็นปัญหา”