ราคาน้ำมันขยับลงราว 2% และทองคำปรับลดในวันพุธ (2 ส.ค.) หลังฟิทช์ หนึ่งในสถาบันเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ระดับโลก ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวฉุดให้วอลล์สตรีทปิดลบหนักเช่นกัน ท่ามกลางแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.71 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ ระบุในวันพุธ (2 ส.ค.) คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ในสัปดาห์ที่แล้วลดลงถึง 17 ล้านบาร์เรล มากที่สุดนับตั้งแต่มีการเริ่มบันทึกย้อนกลับไปในปี 1982 มีแรงขับเคลื่อนจากการยกระดับการกลั่นและการส่งออกน้ำมันดิบที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม แม้สต๊อกน้ำมันดิบลดลงอย่างมาก แต่ราคาน้ำมันกลับปรับลด ท่ามกลางการความเคลื่อนไหวในแดนลบทั่วตลาดการเงิน หลังจากฟิทช์ เรตติ้ง ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ และปัจจัยนี้เองที่ฉุดให้ราคาทองคำในวันพุธ (2 ส.ค.) ปิดลบเล็กน้อย
โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 3.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,975.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (2 ส.ค.) ปิดลบหนัก นักลงทุนขายทำกำไร หลังวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นต่อเนื่องมา 5 เดือนติด 1 วันหลังจากฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอเมริกา
ดาวโจนส์ ลดลง 348.16 จุด (0.98 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,282.52 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 63.34 จุด (1.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,513.39 จุด แนสแดค ลดลง 310.47 จุด (2.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,973.45 จุด
ฟิทช์ หนึ่งในสถาบันเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ระดับโลกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จากท็อปสุดคือ ‘AAA’ ลง 1 ขั้น สู่ระดับ 'AA+' ในวันอังคาร (1 ส.ค.) โดยหยิบยกเรื่องที่รัฐบาลกลางอเมริกันมีภาระหนี้สินหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งเกิด “ความเสื่อมทรุดด้านธรรมาภิบาล” ที่เห็นได้อย่างชัดแจ้งระหว่างเกิดการเผชิญหน้ากันในหมู่นักการเมืองสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อจำกัดด้านหนี้สินของประเทศ
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ทศวรรษ ที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อรายหลักรายหนึ่งของโลกประกาศปรับลดอันดับเครดิตเรตติ้งของสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ ปัญหาความชะงักงันในการขยายเพดานหนี้ของอเมริกาเมื่อปี 2011 ได้ทำให้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อ AAA ของวอชิงตันมาแล้ว เรียกเสียงเดือดดาลจากทั้งทางพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน กระนั้น เอสแอนด์พียังคงยืนเรตติ้งของสหรัฐฯอยู่ที่ AA+ มาจนถึงเวลานี้
อย่างไรก็ตาม บรรดาโบรกเกอร์หลักๆ หลายแห่งมองว่าการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ของฟิทช์ ไม่น่าจะฉุดรั้งตลาดการเงินของอเมริกาในระยะยาว โดยเน้นว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันแข็งแกร่งกว่าเมื่อครั้งเอสแอนด์พีปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในปี 2011
(ที่มา : รอยเตอร์)