บรรดาผู้นำชาติแอฟริกาเรียกร้องวานนี้ (28 ก.ค.) ให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียพิจารณาดำเนินการตามแผนสันติภาพที่พวกเขาเสนอเพื่อยุติสงครามในยูเครน และเร่งฟื้นฟูข้อตกลงส่งออกธัญพืชที่มอสโกฉีกทิ้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้จะไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์รัสเซียตรงๆ แต่คำแถลงของผู้นำกลุ่มชาติแอฟริกาในการประชุมสุดยอดผู้นำรัสเซีย-แอฟริกาซึ่งจัดขึ้นที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นเวลา 2 วัน ก็ถือว่ามีความเป็นหนึ่งเดียวและหนักแน่นยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และยังเป็นการย้ำเตือนรัสเซียให้ตระหนักถึงผลกระทบจากสงครามที่มีต่อกลุ่มประเทศยากจนเหล่านี้ โดยเฉพาะในแง่ของราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น
“สงครามครั้งนี้ควรจบลง และมันจะต้องยุติลงบนพื้นฐานของความยุติธรรมและเหตุผล” มุสซา ฟากี มาฮามัต (Moussa Faki Mahamat) ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพแอฟริกา กล่าวต่อ ปูติน และบรรดาผู้นำที่เข้าร่วมประชุม
“สิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่ออุปทานด้านพลังงานและธัญพืชจะต้องยุติลงในทันที ข้อตกลงส่งออกธัญพืชจะต้องถูกต่ออายุออกไปเพื่อประโยชน์ของคนทั่วโลก โดยเฉพาะชาวแอฟริกา”
รอยเตอ์รายงานเมื่อเดือน มิ.ย. ว่า กลุ่มชาติแอฟริกาได้เสนอแผนการที่จะช่วยปลดชนวนความขัดแย้ง เช่น ขอให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครน นำอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีออกจากเบลารุส ระงับหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่มีต่อปูติน รวมไปถึงผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรให้รัสเซียด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัสเซียแสดงท่าทีตอบรับอย่างเย็นชาต่อแผนดังกล่าว และเมื่อวานนี้ (28) ยังยกข้อโต้แย้งเดิมๆ มาอ้างว่ายูเครนกับชาติตะวันตกคือต้นเหตุของสงคราม --- ไม่ใช่มอสโก
ประธานาธิบดี เดอนี ซาซู อึนแกโซ แห่งสาธารณรัฐคองโก ย้ำว่าแนวคิดริเริ่มของกลุ่มชาติแอฟริกา “ควรได้รับความใส่ใจอย่างใกล้ชิด” และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายนำ “สันติภาพ” กลับคืนมาอย่างเร่งด่วน ขณะที่ประธานาธิบดี ซีริล รามาโฟซา แห่งแอฟริกาใต้ ก็บอกกับ ปูติน ว่า “เรารู้สึกว่าเรามีสิทธิที่จะเรียกร้องสันติภาพ เพราะความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่นี้ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อพวกเราเหมือนกัน”
ประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี แห่งอียิปต์ เรียกร้องให้รัสเซียฟื้นฟูข้อตกลงส่งออกธัญพืชยูเครนผ่านทะเลดำ ซึ่งหมดอายุลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากรัสเซียปฏิเสธที่จะต่อสัญญา
อียิปต์ถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำเข้าธัญพืชผ่านช่องทางทะเลดำรายใหญ่อันดับต้นๆ และ อัล-ซีซี ได้ย้ำต่อที่ประชุมว่า “การบรรลุข้อตกลงเพื่อต่ออายุดีลนี้คือสิ่งสำคัญยิ่งยวด”
ปูติน ออกมาโต้แย้งในประเด็นนี้ว่า การที่ราคาอาหารโลกพุ่งสูงนั้นเป็นผลมาจากนโยบายของชาติตะวันตกที่มีมาก่อนสงครามยูครนเสียอีก และสาเหตุที่รัสเซียต้องถอนตัวออกจากข้อตกลงส่งออกธัญพืชก็เพราะว่ามันไม่ได้ช่วยให้ธัญพืชไปถึงมือประเทศที่ยากจนจริง อีกทั้งฝ่ายตะวันตกก็ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับมอสโกด้วย
การที่รัสเซียถอนตัวจากข้อตกลงส่งออกธัญพืช และยังทิ้งระเบิดโจมตีท่าเรือและโกดังเก็บธัญพืชของยูเครน ทำให้รัฐบาลเคียฟและตะวันตกกล่าวหา ปูติน ว่ากำลัง “ใช้อาหารเป็นอาวุธ” ในการทำสงคราม และส่งผลให้ราคาข้าวสาลีในตลาดโลกขยับสูงขึ้นถึง 9%
เมื่อวันพฤหัสบดี (27) ปูติน ได้ให้สัญญาว่าจะส่งธัญพืชรัสเซียจำนวน 300,000 ตันให้แก่ 6 ชาติแอฟริกาที่เข้าร่วมการประชุมซัมมิตแบบ “ไม่คิดค่าใช้จ่าย” ขณะที่ อาซาลี อัสซูมานี ประธานสหภาพแอฟริกา โต้แย้งว่าคำสัญญาแจกธัญพืชฟรีดังกล่าว “ไม่เพียงพอ” และสิ่งที่จำเป็นมากกว่าก็คือ “ข้อตกลงหยุดยิง” ระหว่างรัสเซียและยูเครน
ที่มา : รอยเตอร์
