นับเป็นข้อกล่าวหาที่สาหัสสากรรจ์มากที่เหยี่ยวตัวโตจากตะวันตกได้ออกมาประณามผู้นำรัสเซียว่าใจร้ายอำมหิต ที่ไม่คำนึงถึงเด็กๆ และพลเมืองผู้อดอยากหิวโหยในทวีปแอฟริกา, ตะวันออกลาง, เอเชียใต้ และอีกหลายๆ แห่งทั้งในอเมริกากลางและเอเชีย ที่กำลังรอธัญพืชจำนวนมหาศาลจากยูเครนและรัสเซีย ที่จะถูกลำเลียงออกมาผ่านทะเลดำไปยังปลายทางคือ ดินแดนแห่งความหิวโหยเหล่านี้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงสายๆ ของวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เมื่อทางการรัสเซียได้ให้สัญญาณว่าไม่สามารถต่ออายุสัญญา, การส่งธัญพืชผ่านทะเลดำ ซึ่งมี 4 ฝ่ายได้ทำข้อตกลงไว้ตั้งแต่กรกฎาคมปีที่แล้ว...ครบรอบ 1 ปีพอดิบพอดี...โดยรัสเซียแจ้งว่า เพราะรัสเซียถูกเบี้ยวในข้อตกลงนี้...รัสเซียไม่ได้ถูกปฏิบัติตามข้อตกลง และมองไม่เห็นว่า ผู้หิวโหยที่รอธัญพืชอยู่ปลายทาง จะได้รับจำนวนธัญพืชอย่างพอเพียงกับการรอคอย
อาการที่รัสเซียได้ส่งสัญญาณว่ารัสเซียถูกเบี้ยวไม่ได้รับการปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ ได้ปรากฏให้เห็นตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วคือ ในเดือนตุลาคม 2022 ที่รัสเซียส่งสัญญาณไม่ต่ออายุสัญญาอีกต่อไป ทั้งๆ ที่สัญญานี้ได้มีการต่ออายุทุกๆ 120 วัน (คือ 4 เดือน) โดยรัสเซียได้กดดันสหประชาชาติโดยท่านเลขาธิการกูเตอร์เรส ว่า ในข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับสหประชาชาติ ที่ทำขึ้นเมื่อกรกฎาคมปีที่แล้วนั้น ธัญพืช (รวมทั้งปุ๋ย) จากรัสเซียจะได้รับข้อยกเว้นจากการคว่ำบาตรที่ตะวันตก นำโดยสหรัฐฯ รวมทั้งพันธมิตรคือ นาโต, จี 7, สหภาพยุโรป จะทำการคว่ำบาตรพลังงานส่วนใหญ่จากรัสเซีย รวมทั้งสินค้าต่างๆ จากรัสเซียยกเว้นด้านธัญพืช ซึ่งทางยูเอ็นยินดีเจรจา จะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรของรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานในการจัดส่งธัญพืชของรัสเซีย จะยังคงสามารถใช้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านระบบ SWIFT ในการขายธัญพืชเหล่านี้ให้กับทั่วโลก
การขนส่งธัญพืชจากทั้งรัสเซียและยูเครน ได้ดำเนินมาเกือบ 1 ปีเต็ม แต่ทางรัสเซียก็ยังไม่สามารถรับเงินจากการขายธัญพืชผ่านระบบ SWIFT ได้ คือ ยูเอ็นก็ไม่สามารถจัดการให้รัสเซียได้
มิหนำซ้ำธัญพืช (และปุ๋ย) จากรัสเซีย เมื่อลำเลียงออกมาทางทะเลดำ แล้วออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จะไปขึ้นท่าที่ด่านแรกคือ ยุโรป ก็กลับถูกปฏิเสธไม่ยอมให้สินค้าธัญพืชของรัสเซียได้ขึ้นท่าที่ยุโรปโดยง่าย มีการอ้างการคว่ำบาตรที่สหภาพยุโรป มีคำสั่งให้ทำกับสินค้าจากรัสเซีย ทั้งนี้ เพื่อกดราคาสินค้าธัญพืชจากรัสเซีย และรวมทั้งบริษัทประกันภัยในการขนส่งสินค้าทางเรือ ก็ปฏิเสธไม่ให้บริการประกันภัยแก่เรือรัสเซียด้วย
ในทางตรงข้าม ธัญพืชจากยูเครนที่ลำเลียงออกมาผ่านทะเลดำ โดยการอารักขาและดูแลตามร่องน้ำลึก ที่รัสเซียต้องทำตามข้อตกลง 4 ฝ่าย (สหประชาชาติ, ตุรกี, รัสเซีย และยูเครน) กลับสามารถขึ้นท่าเรือที่เมืองท่าสำคัญๆ ของยุโรปอย่างง่ายดาย
ยิ่งกว่านั้น ปธน.ปูติน ได้สอบถามไปยังปธน.รามาโฟซาแห่งแอฟริกาใต้ ว่าประเทศต่างๆ ในแอฟริกาได้รับธัญพืชจากยูเครนและรัสเซียพอเพียงไหม; ด้วยราคาเท่าใด ก็ได้รับคำตอบว่า ธัญพืชเหล่านี้ไปถึงแอฟริกาน้อยมาก และด้วยราคาที่สูงลิ่ว...ซึ่งรัสเซียมองว่าข้อตกลงทั้ง 4 ฝ่าย กลับไม่สามารถบรรเทาความหิวโหยที่แอฟริกาได้ ดังที่ได้ตั้งความหวังเอาไว้...เพราะธัญพืชส่วนใหญ่ถูกกักเอาไว้กินไว้ใช้ในยุโรป หรือเพื่อขายได้ราคาดีในยุโรป
ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ได้มีการจัดส่งธัญพืชผ่านทะเลดำ (จากข้อตกลง 4 ฝ่าย) ไปแล้วถึง 33 ล้านตัน แต่ไปถึงแอฟริกาแค่ 3% เท่านั้น นับว่าน้อยมาก และด้วยราคาที่สูงเกินจริง ในขณะที่ยุโรปอ้างว่า ธัญพืชที่ขึ้นท่าที่ยุโรป ต้องไปบรรจุหีบห่อเพื่อง่ายต่อการลำเลียงซื้อขาย แต่เกิดการล่าช้าไปกระจุกตัวก็แต่ประเทศที่มั่งคั่งในยุโรปนั่นเอง
เมื่อวันพุธที่ 19 กรกฎาคม (หลังการหยุดลำเลียงธัญพืชในวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม) มีคำแถลงอย่างหนักแน่นจากโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียว่า ขณะนี้ลูกบอลอยู่ในความดูแลของสหประชาชาติ ที่จะต้องรับผิดชอบว่า จะสามารถทำให้ข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับยูเอ็นเป็นจริงได้หรือไม่ นั่นคือ การขนส่งธัญพืชของรัสเซียผ่านทะเลดำ จะต้องได้รับการจ่ายเงินค่าธัญพืชผ่านระบบ SWIFT และรัสเซียให้เวลา 3 เดือนกับยูเอ็นที่จะดำเนินการตามนี้
และยังสมทบด้วยว่า เรือสินค้าใดๆ ที่มุ่งไปสู่ยูเครนขณะนี้ รัสเซียจะถือเอาว่า กำลังอำพรางในการแอบขนส่งอาวุธเข้ายูเครน โดยใช้เรือสินค้าบังหน้า จึงจะถือโอกาสโจมตีทุกลำ...ซึ่ง 1 วันต่อมา ยูเครนก็ประกาศตอบโต้เช่นเดียวกันกับเรือสินค้าของรัสเซียในทะเลดำ
ยังมีปฏิบัติการของรัสเซียโจมตีท่าเรือโอเดสซาของยูเครน ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้า (รวมธัญพืช) ของยูเครน และที่ท่าเรือบนแม่น้ำดานูบของยูเครนก็ถูกรัสเซียโจมตี ซึ่งทำให้ยูเครนไม่สามารถส่งธัญพืชออกมาได้
และถ้ายูเครนจะส่งธัญพืชผ่าน 5 ประเทศ (โปแลนด์, ฮังการี, โรมาเนีย เป็นต้น) ไปออกทะเลบอลติกก็ถูกเกษตรกรใน 5 ประเทศประท้วง ห้ามเอาธัญพืชของยูเครนออกมาขายในราคาถูก ทำให้เกษตรกรทั้ง 5 ประเทศเสียหาย รัฐบาลทั้ง 5 ประเทศกำลังลำบากใจที่จะทำตามคำชี้นำของสหภาพยุโรป
ดังนั้น 3 เดือนต่อจากนี้ ราคาธัญพืชที่เป็นอาหารคน (ข้าวสาลี เป็นต้น), อาหารสัตว์ (ข้าวโพด), อาหารพืช (ปุ๋ย) จากทั้งยูเครนและรัสเซียจะมีปริมาณออกสู่ตลาดโลกที่ลดลงมาก ทำให้ราคาขณะนี้ในตลาดโลกได้ปรับพุ่งขึ้นถึง 10% แล้ว ยิ่งมาเจอภาวะเอลนีโญที่เริ่มในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ จะยิ่งทำให้ราคาธัญพืชพุ่งสูงยิ่งขึ้น ประกอบกับอินเดียได้สั่งห้ามการส่งออกข้าวขาว เพราะต้องให้แน่ใจว่าจะมีปริมาณข้าวพอเพียงการบริโภคภายในประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ก็ได้สั่งห้ามส่งออกข้าวสาลีและน้ำตาลด้วย
อินเดียกำลังจะมีการเลือกตั้งในต้นปีหน้า สินค้าธัญพืชเป็นสินค้าการเมืองที่นายกฯ โมดีต้องให้แน่ใจว่าจะมีธัญพืชราคาไม่แพงอย่างพอเพียงในประเทศนั่นเอง