เอเอฟพี - การประท้วงยังคงเดินหน้าต่อมาถึงวันอังคาร (25 ก.ค.) ไม่พอใจหลังสภาอิสราเอลยกมือผ่านมาตรการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม อนุญาตจำกัดอำนาจศาลสูงสุดอิสราเอล ห้ามวีโต้ขวางการตัดสินใจรัฐบาลเทลอาวีฟ สภาทนายความยิวยื่นเรื่องคัดค้านต่อศาลูสุดทันที หนังสือพิมพ์ค่ายยักษ์ใหญ่พร้อมใจขึ้นปกดำประชาธิปไตยเทลอาวีฟตายในวันจันทร์ (24 ก.ค.) หลังผู้แทนยกมือให้ผ่าน ตำรวจจับผู้ประท้วง 58 ราย
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (25 ก.ค.) ว่า ประชาชนอิสราเอลยังคงประท้วงต่อต้านการปฏิรูปกระบวนการทางยุติธรรมของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เทนันยาฮู มาจนถึงวันอังคาร (25) 1 วันหลังสภาผ่านมติเห็นชอบให้จำกัดอำนาจศาลสูงสุดอิสราเอล
หลายกลุ่มเข้าร่วมการผละงานประท้วงในวันนี้ ได้แก่ กลุ่มหมอ กลุ่มแรงงาน และสภาทนายความยิวซึ่งร่วมอยู่ในหลายองค์กรได้ยื่นเรื่องทางกฎหมายไปยังศาลสูงสุดอิสราเอล ร้องขอให้กฎหมายใหม่ที่เพิ่งผ่านสภาในวันจันทร์ (24) ให้ตกไป
ขณะที่หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ 3 ค่ายของแดนแห่งพันธสัญญาได้ขึ้นปกดำพร้อมกับกล่าวว่า “เป็นวันที่มืดมิดสำหรับประชาธิปไตยอิสราเอล”
ตำรวจอิสราเอลเปิดเผยว่า มีผู้ถูกจับกุมทั้งหมด 58 คน ซึ่งการประท้วงในกรุงเทลอาวีฟถือเป็นจุดร้อนแรงที่สุด และแถลงว่ายังมีอีก 1 คน ยังคงอยู่ในเรือนจำมาจนถึงวันอังคาร (25) จากข้อหาทำร้ายผู้ประท้วงคนอื่นๆ โดยออแกไนเซอร์ผู้จัดกล่าวว่า ชายผู้นี้ขับรถพุ่งชนฝูงชนที่กำลังปิดกั้นถนนไฮเวย์
เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนน้ำเพื่อขับไล่กลุ่มผู้ประท้วงบนถนนสายสำคัญในกรุงเทลอาวีฟที่ประชาชนกำลังโบกธงอิสราเอลอย่างคับคั่ง
เอเอฟพีชี้ว่า เนทันยาฮูไม่สามารถหว่านล้อมฝูงชนฝ่ายตรงข้ามในการแถลงออกอากาศทางโทรทัศน์ในช่วงดึกวันจันทร์ (24) ซึ่งนายกฯ อิสราเอลปวารณาที่จะเปิดการเจรจาระหว่างสมัยการเปิดสภาครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึง
“บรรลุข้อตกลงที่ครอบคลุมในทุกสิ่งและพวกเราจะเพิ่มเวลาให้มากขึ้นตามความจำเป็น” เขากล่าว
ทั้งนี้ เนทันยาฮูได้ออกมาปกป้องกฎหมายใหม่ที่จะจำกัดอำนาจของศาลสูงสุดอิสราเอลในการคว่ำการตัดสินใจของรัฐบาลเทลอาวีฟว่า “เป็นมาตรการทางประชาธิปไตยที่จำเป็น”
เอเอฟพีรายงานว่า ในวันจันทร์ (24) พบว่าฝ่ายค้านได้เดินออกไปจากห้องประชุมรัฐสภาเพื่อบอยคอตการโหวตที่ผ่านด้วยเสียงสนับสนุน 64 เสียง จากจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 120 เสียง
การปฏิรูปกระบวนการทางยุติธรรมของเนทันยาฮูยังเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาจากต่างแดน เป็นต้นว่า มหามิตรวอชิงตันได้กล่าวถึงการลงมติในวันจันทร์ (24) ว่า “ช่างโชคร้าย” ส่วนแหล่งข่าวภายในกระทรวงต่างประเทศเยอรมนีแสดงความเห็นว่า “พวกเรามองอย่างวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อความตึงเครียดร้ายแรงในสังคมอิสราเอล”