มอสโกฉะตะวันตกช่วยเคียฟข้ามแดนโจมตีในรัสเซีย สองฝ่ายกล่าวหากันเล็งก่อวินาศกรรมโรงไฟฟ้า ‘นุก’ ซาโปริซเซีย

มอสโกระบุ การที่เคียฟใช้โดรนโจมตีในดินแดนรัสเซีย “ไม่มีทางเป็นไปได้” ถ้าหากอเมริกาและนาโตไม่ช่วย นอกจากนั้นรัสเซีย-ยูเครนยังกล่าวหากันรอบใหม่ว่า เตรียมโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ที่เป็นโรงไฟฟ้า “นุก” ใหญ่ที่สุดในยุโรป

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงเมื่อวันอังคาร (4 ก.ค.) ว่า การที่ยูเครนจะเข้าโจมตีลึกเข้ามาภายในดินแดนรัสเซียนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย ถ้าเคียฟไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอเมริกาและพวกพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)

คำแถลงกล่าวหาว่า ฝ่ายตะวันตกช่วยให้ยูเครนสามารถส่งโดรนบินลึกเข้ามาโจมตีเป้าหมายพลเรือนในดินแดนรัสเซีย ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์ก่อการร้าย ทั้งด้วยการฝึกผู้บังคับโดรนของยูเครน และให้ข้อมูลข่าวกรองสำคัญสำหรับการโจมตีแก่ยูเครน

ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารกองทัพรัสเซียแถลงว่า สามารถยิงโดรนทั้ง 5 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโก โดยที่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมทั้งไม่เกิดความเสียหายใดๆ ขณะที่สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสตีของทางการรัสเซีย รายงานว่า โดรนลำหนึ่งถูกสกัดที่คูบินกา ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาตินูโคโวราว 40 กิโลเมตร และทำให้สนามบินดังกล่าวต้องระงับให้บริการนานหลายชั่วโมง

ก่อนหน้านั้นตอนต้นเดือนพฤษภาคม มีโดรน 2 ลำถูกยิงร่วงเหนือทำเนียบเครมลิน และปลายเดือนเดียวกันมีโดรนหลายลำพยายามเข้าโจมตีอาคารสูงในมอสโก

ล่าสุด เมื่อวันพุธ (5) วยาเชสลาฟ แกลดคอฟ ผู้ว่าการแคว้นเบลโกร็อด ของรัสเซีย โพสต์บนแอปเทเลแกรมว่า กองกำลังยูเครนโจมตีเมืองวาลูอิกี กว่าชั่วโมง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 1 คน บ้านอย่างน้อย 8 หลังเสียหาย แต่กองทัพรัสเซียยิงอากาศยาน 3 ลำตก ซึ่งรวมถึงโดรน 1 ลำ

วันเดียวกัน โรมัน สตาโรวอยต์ ผู้ว่าการแคว้นเคิร์สก์ ทางเหนือของเบลโกร็อดและอยู่ติดกับชายแดนยูเครนเช่นเดียวกัน เผยว่า หมู่บ้านแห่งหนึ่งถูกโจมตี ทำให้โรงเรียนและบ้านหลังหนึ่งได้รับความเสียหาย แต่ไม่ได้ระบุรูปแบบการโจมตี

เหตุการณ์เหล่านี้ถือเป็นการโจมตีในดินแดนรัสเซียระลอกล่าสุด โดยเฉพาะภูมิภาคที่ติดกับชายแดนยูเครนที่ถูกโจมตีแทบทุกวันในช่วงหลายเดือนมานี้ ซึ่งมอสโกระบุว่า เป็นฝีมือยูเครน ขณะที่เคียฟแทบไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตีในรัสเซียหรือดินแดนในยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครองเลย และทั้งสองฝ่ายต่างปฏิเสธว่า ไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีพลเรือนในสงครามที่ยืดเยื้อนาน 16 เดือน ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อรัสเซียส่งทหารบุกประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022

ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน บอกกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ระหว่างหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันอังคาร โดยอ้างว่า รัสเซียกำลังวางแผนยั่วยุอันตรายที่โรงไฟฟ้าซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในยุโรป และเสริมว่า ยูเครนตกลงที่จะดำเนินการร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) เพื่อให้สถานการณ์ของโรงไฟฟ้าดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมในระดับสูงสุด

นอกจากนั้น กระทรวงสาธารณสุขยูเครนยังเรียกร้องให้ประชาชนเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพที่อาจเกิดขึ้น หากมีการระเบิดในโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียซึ่งอยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซีย

รัสเซียและยูเครนกล่าวหากันมาตลอดนับจากสงครามปะทุขึ้นเมื่อต้นปีที่แล้วว่า อีกฝ่ายมีแผนโจมตีโรงไฟฟ้าดังกล่าว

เคียฟอ้างว่า ตรวจพบวัตถุที่คล้ายวัตถุระเบิดติดตั้งอยู่บนหลังคาด้านนอกของเตาปฏิกรณ์เตาที่ 3 และ 4 และเซเลนสกีชี้ว่า รัสเซียอาจพยายามยั่วยุเพื่อให้ยูเครนโจมตีโรงไฟฟ้า

แต่ที่มอสโก เรแนต คาร์ชา ที่ปรึกษาของหน่วยงานนิวเคลียร์โรซาตอมของรัสเซีย เปิดเผยกับสถานีทีวีของทางการว่า กองทัพยูเครนจะพยายามโจมตีโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียในคืนวันพุธ (5) โดยใช้อาวุธพิสัยไกลที่มีความแม่นยำสูงและโดรน

ต่อมาในวันพุธ ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การก่อวินาศกรรมต่อโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียไม่ว่าด้วยรูปแบบใดถือเป็นภัยคุกคามใหญ่และนำไปสู่หายนะ ก่อนสำทับว่า รัสเซียกำลังพิจารณามาตรการตอบโต้ภัยคุกคามนี้

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)