จอร์จ โซรอส พ่อมดนักการเงินชื่อฉาวชาวอเมริกัน ส่งต่ออำนาจการควบคุมอาณาจักรธุรกิจมูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมกับมูลนิธิ “โอเพน โซไซตี้” ให้อเล็กซานเดอร์ ลูกชายวัย 37 ปี ที่ออกตัวว่า ฝักใฝ่การเมืองมากกว่าพ่อ และสำทับว่า หนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่สุดคือ การสกัดความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง
โซรอส วัย 92 ปี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (11 มิ.ย.) ว่า อเล็กซานเดอร์ ลูกชายคนที่ 4 จากทั้งหมด 5 คน สมควรได้สืบทอดอาณาจักรธุรกิจของตน รวมทั้งมูลนิธิโอเพน โซไซตี้ (โอเอสเอฟ)
โซรอส พ่อมดการเงินที่เป็นชาวฮังกาเรียนเชื้อสายยิวโดยกำเนิด และมักตกเป็นเป้าหมายถูกโจมตีของทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดต่อต้านยิวนั้น ใช้ความมั่งคั่งที่สร้างสมระหว่างเป็นนักธุรกิจการเงินในทศวรรษ 1970 และ 1980 ก่อตั้งโอเอสเอฟ ที่เวลานี้ดำเนินงานอยู่ในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก และอัดฉีดเงินปีละกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์เพื่อให้การสนับสนุนโครงการรณรงค์ลักษณะเสรีนิยมด้านต่างๆ ตลอดจนพวกองค์กรพัฒนาภาคเอกชน (เอ็นจีโอ) ซึ่งทำงานในแนวทางที่มูลนิธินี้เห็นชอบในทั่วโลก โดยมีตั้งแต่โครงการด้านธรรมาภิบาล โปรแกรมส่งเสริมการเติบโตของระบอบประชาธิปไตย จนถึงแผนการริเริ่มด้านนโยบายสาธารณะแนวเสรีนิยม
นอกจากนั้น เขายังเป็นหนึ่งในผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของพรรคเดโมแครตในอเมริกา
ด้านอเล็กซานเดอร์ หรือ “อเล็กซ์” ให้สัมภาษณ์ว่า เขาฝักใฝ่การเมืองมากยิ่งกว่าพ่อที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของพวกปีกขวาจากการสนับสนุนความคิดแบบเสรีนิยม เช่น การลดอคติทางเชื้อชาติในระบบยุติธรรม
เขาเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยพบกับเจ้าหน้าที่หลายคนในคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน รวมทั้ง ส.ว.ชัค ชูเมอร์ ของพรรคเดโมแครต ที่ปัจจุบันเป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ และผู้นำประเทศต่างๆ เช่น ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวาของบราซิล และนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดว์ของแคนาดา เพื่อผลักดันประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิโอเอสเอฟ
อเล็กซ์บอกว่า หนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่สุดของเขาคือ การสกัดความเป็นไปได้ที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง
เขาให้สัมภาษณ์ว่า กังวลว่า ทรัมป์จะได้กลับสู่ทำเนียบขาว และส่งสัญญาณว่า องค์กรโซรอสจะรับบทบาททางการเงินสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า
เขายังบอกอีกว่า กำลังมุ่งมั่นในการช่วยให้เดโมแครตสามารถดึงดูดผู้มีสิทธิออกเสียงที่เป็นคนเชื้อสายละตินได้มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มความเป็นไปได้ของคนผิวดำในการออกไปใช้สิทธิ
อเล็กซ์เสริมว่า โอเอสเอฟภายใต้การควบคุมของตนเองจะยังคงเดินบนเส้นทางเดียวกับที่พ่อของเขาขีดไว้ นั่นคือการส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม สิทธิของชนกลุ่มน้อยและผู้ลี้ภัย และการสนับสนุนนักการเมืองเสรีนิยม
เขายังต้องการสนับสนุนโครงการริเริ่มด้านสิทธิในการออกเสียง การทำแท้ง และความเท่าเทียมทางเพศด้วย
อเล็กซ์บอกว่า เขาเองปรารถนาเป็นอย่างมากที่จะนำเอาเงินให้ออกพ้นจากการเมือง “แต่ตราบใดที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังทำเรื่องเช่นนี้อยู่ เราก็จะทำเรื่องเช่นนี้เหมือนกัน”
วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า คณะกรรมการบริหารโอเอสเอฟ ได้เลือกอเล็กซ์เป็นประธานอย่างเงียบๆ ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา และเสริมว่า อเล็กซ์ยังเป็นประธาน “ซูเปอร์แพค” ของโซรอส
ทั้งนี้ ซูเปอร์แพคเป็นองค์กรประเภทหนึ่งในอเมริกาที่สามารถใช้เงินจำนวนไม่จำกัดในทางการเมือง
หนังสือพิมพ์ชื่อดังของอเมริกาฉบับนี้ยังระบุว่า อเล็กซ์เป็นสมาชิกครอบครัวเพียงคนเดียวที่นั่งในคณะกรรมการการลงทุนของโซรอส ฟันด์ แมเนจเมนต์ บริษัทที่ดูแลเงินของครอบครัวและมูลนิธิของโซรอส
รายงานชิ้นนี้สำทับว่า มีการกันเงิน 125 ล้านดอลลาร์สำหรับซูเปอร์แพคในปีต่อๆ ไป ขณะที่เงินส่วนใหญ่จาก 25,000 ล้านดอลลาร์ในโซรอส ฟันด์ แมเนจเมนต์จะโอนเข้าสู่โอเอสเอฟโดยตรง
(ที่มา : เอเอฟพี, เอพี, บีบีซี)