รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกาบ่น “เสียดาย” ที่จีนปฏิเสธคำเชิญร่วมหารือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ปักกิ่งแสดงพฤติกรรมยั่วยุเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยการส่งเครื่องบินรบพุ่งประชิดเครื่องบินตรวจการณ์ของสหรัฐฯ เหนือทะเลจีนใต้อย่างอันตราย ขณะที่ปักกิ่งโต้ว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อเมริกาเป็นฝ่ายเข้าไปแทรกแซงและสอดแนมการฝึกซ้อมของกองทัพเรือจีนในทะเลจีนใต้
วอชิงตันเชิญ หลี่ ช่างฝู รัฐมนตรีกลาโหมจีน หารือกับลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระหว่างทั้งคู่ต่างเข้าร่วมเวทีประชุมด้านกลาโหมที่สิงคโปร์ปลายสัปดาห์นี้ ทว่า ปักกิ่งปฏิเสธ และโฆษกหญิงของรัฐบาลจีนระบุว่า อเมริการู้ดีอยู่แล้วว่า การสื่อสารทางทหารตอนนี้ยากเย็นเพราะอะไร
ที่โตเกียววันพฤหัสฯ (1 มิ.ย.) ออสตินให้สัมภาษณ์สั้นๆ ก่อนเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์โดยระบุว่า “น่าเสียดาย” และย้ำว่า การพูดคุยกันจะช่วยจัดการวิกฤตและป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามจนเกินควบคุมโดยไม่จำเป็น
นายใหญ่เพนตากอนสำทับว่า การที่จีนสกัดเครื่องบินของอเมริกาและพันธมิตรแบบยั่วยุเมื่อเร็วๆ นี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ วันอังคารที่ผ่านมา (30 พ.ค.) กองบัญชาการทหารภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ อ้างว่า นักบินเครื่องบินขับไล่เจ-16 ของจีนทำการบินอย่างก้าวร้าวโดยไม่จำเป็นใกล้เครื่องบินตรวจการณ์อาร์ซี-135 ของกองทัพอากาศอเมริกาที่กำลังปฏิบัติภารกิจปกติอย่างปลอดภัยและสอดคล้องตามกฎหมายระหว่างประเทศในน่านฟ้าสากลเหนือทะเลจีนใต้เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (26 พ.ค.)
คำแถลงของกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกย้ำว่า อเมริกาจะยังคงบิน เดินเรือ และปฏิบัติภารกิจอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบในทุกที่ที่กฎหมายระหว่างประเทศอนุญาต และคาดหวังว่าประเทศอื่นๆ จะดำเนินการแบบเดียวกัน
ทว่า เมื่อคืนวันพุธ (31 พ.ค.) กองบัญชาการยุทธบริเวณภาคใต้ของจีน แถลงตอบโต้ว่า อเมริกาแทรกแซงและสอดแนมการฝึกซ้อมของกองทัพเรือจีนในทะเลจีนใต้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และสำทับว่า ได้สั่งการให้กองทัพอากาศติดตามและตรวจสอบกระบวนการทั้งหมด โดยจัดการตามกฎหมายและอย่างเป็นมืออาชีพ
ในคำแถลง พันเอกจาง หนานตง โฆษกกองบัญชาการยุทธบริเวณภาคใต้ของจีน ระบุว่า อเมริกากล่าวหาผิดๆ เพื่อให้นานาชาติสับสน พร้อมเรียกร้องให้อเมริกาควบคุมการดำเนินการของปฏิบัติการส่วนหน้าของกองทัพอากาศและกองทัพเรือให้เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศและข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนถึงป้องกันอุบัติเหตุทางทะเลและอากาศ ไม่เช่นนั้นอเมริกาจะต้องรับผิดชอบผลของการกระทำนั้น
เวลานี้ ออสติน และเจ้าหน้าที่อเมริกันคนอื่นๆ กำลังพยายามส่งเสริมความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนในเอเชียเพื่อคานอิทธิพลจีน โดยในวันพฤหัสฯ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้พบกับรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น และมีกำหนดหารือกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ก่อนเดินทางต่อไปสิงคโปร์
ออสตินกล่าวว่า ความเป็นพันธมิตรระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่นกำลังเผชิญความท้าทายร่วมกัน ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมขู่กรรโชกของจีน การยั่วยุอันตรายของเกาหลีเหนือ และสงครามโหดร้ายของรัสเซียในยูเครน
กระนั้น เขาสำทับว่าอเมริกาและพันธมิตรมีผลประโยชน์และค่านิยมร่วมกัน และกำลังดำเนินการขั้นตอนสำคัญเพื่อปรับปรุงความเป็นพันธมิตรและเสริมสร้างการป้องปรามให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ออสตินกล่าวถึงความร่วมมือ 3 ฝ่ายกับออสเตรเลียและเกาหลีใต้ ตลอดจนถึงจังหวะ ขอบเขต และระดับการซ้อมรบและฝึกซ้อมร่วมกันที่ขยายออกไป นอกจากนี้ กองทัพของทั้ง 3 ชาติยังร่วมมือกันในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งรวมถึงระบบไฮเปอร์โซนิก ระบบอัตโนมัติสำหรับการทำงานร่วมกันของเครื่องบินขับไล่ และระบบป้องกันภัยทางอากาศขั้นสูง
ทั้งนี้ ออสตินเดินทางถึงญี่ปุ่นในวันพุธ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเกาหลีเหนือล้มเหลวในปล่อยดาวเทียมสอดแนมทางทหารที่ใช้เทคโนโลยีต้องห้ามภายใต้มาตรการแซงก์ชันของสหประชาชาติ
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)