ยูเครนมีเวลา 5 เดือนสหรับแสดงให้เห็นถึง "ความก้าวหน้าบางอย่าง" ต่อสหรัฐฯ และบรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกอื่นๆ เพื่อโน้มน้าวพวกเขาให้เชื่อในแผนของเคียฟ ในประเด็นความขัดแย้งกับรัสเซีย ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สในวันพฤหัสบดี (18 พ.ค.) อ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ยุโรปและอเมริกาหลายคน พร้อมระบุหากไม่เป็นเช่นนั้น นานาชาติจะกดดันให้ยูเครนเข้าสู่โต๊ะเจรจา
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส รายงานว่าวอชิงตันกำลังเข้าสู่วงจรของการเลือกตั้งและจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าแรงสนับสนุนด้านการทหารครั้งใหญ่ที่อเมริกา และบรรดาพันธมิตรมอบให้แก่ยูเครนนั้นไม่ได้สูญเปล่า
"มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับอเมริกาที่ต้องเร่ขายสงครามนี้ ในฐานะสงครามที่ประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับเพื่อจุดประสงค์ภายในประเทศ สำหรับพิสูจน์ว่าแพกเกจความช่วยเหลือทั้งหมดนี้ประสบความสำเร็จในแง่ของความก้าวหน้าของยูเครน" เจ้าหน้าที่ยุโรปรายหนึ่งบอกกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส
ไฟแนนเชียลไทม์ส รายงานว่า ผลสำรวจหลายสำนักพบว่า แรงสนับสนุนยูเครนของประชาชนในสหรัฐฯ กำลังลดลงเรื่อยๆ และรัฐบาลของไบเดนจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าเงินช่วยเหลือหลายหมื่นล้านดอลลาร์ที่มอบให้แก่เคียฟนั้น สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมากในแนวหน้า
แหล่งข่าวบอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส วอชิงตันเชื่อว่าในช่วง 5 เดือนข้างหน้า มีความสำคัญยิ่งต่อผลลัพธ์ของสงคราม "หากเราเข้าสู่เดือนกันยายน และยูเครนไม่มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อนั้นจะมีแรงกดดันมหึมาจากนาชาติ กดดันให้ตะวันตกดึงพวกเขาเข้าสู่โต๊ะเจรจา"
ในเดือนกันยายน จะมีการประชุมต่อเนื่องกันของที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติและซัมมิตพวกผู้นำจี20 ซึ่งทั้ง 2 การประชุม อาจถูกใช้กดดันให้ฝ่ายต่างๆ ในสงครามนั่งลงบนโต๊ะเจรจา ไฟแนนเชียลไทม์สระบุ
ทั้งนี้ แหล่งข่าวได้เตือนว่า แรงสนับสนุนทางทหารของตะวันตกที่มอบแก่เคียฟใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน "สารนี้ที่ส่งถึงเคียฟ โดยพื้นฐานแล้วก็คือ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่คุณจะได้รับ" เจ้าหน้าที่ยุโรปรายหนึ่งบอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส "ไม่มีความยืดหยุ่นอีกต่อไปในงบประมาณของสหรัฐฯ ที่จะเขียนเช็คให้ยูเครน และโรงงานผลิตอาวุธทั้งหลายในยุโรปกำลังปฏิบัติการถึงขีดสุดแล้ว"
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของยูเครนในแง่ของการจัดหาอาวุธ อย่างไรก็ตาม พันธมิตรของวอชิงตันมีความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพการคงไว้ซึ่งแรงสนับสนุนดังกล่าว และคาดหมายว่ามันจะลดลงในปี 2024 ท่ามกลางศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา "เราไม่อาจคงความช่วยเหลือในระดับเดิมไปตลอดกาล" เจ้าหน้าที่ยุโรปรายหนึ่งกล่าว พร้อมระบุระบบแรงสนับสนุนในปัจจุบันอาจสามารถทำต่อไปได้อีก 1 หรือ 2 ปี แต่ไม่นานกว่านั้น
(ที่มา : ไฟแนนเชียลไทม์ส/อาร์ทีนิวส์)
