หลังจับกุมคุมขังอดีตนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน แล้ว ในวันพฤหัสบดี (11 พ.ค.) ทางการปากีสถานก็เร่งปราบปรามพวกผู้สนับสนุนเขา โดยจับขังผู้คนจำนวนหลายร้อยระหว่างการบุกค้นสถานที่ต่างๆ ตอนช่วงคืนวันพุธ (10) และส่งกองทหารไปทั่วประเทศเพื่อมุ่งสยบระลอกความรุนแรงซึ่งปะทุขึ้น ภายหลังการจับกุมผู้นำฝ่ายค้านซึ่งยังเป็นที่นิยมอย่างสูงผู้นี้ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ปากีสถานคุ้นเคยกับการยึดอำนาจของฝ่ายทหาร ตอลดจนวิกฤตการณ์ทางการเมืองและความรุนแรง แต่ความสับสนอลหม่านในช่วงระยะนี้ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาไม่บ่อยนัก และกระตุ้นความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบภายหลังการลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีเบนาซีร์ บุตโต ระหว่างการหาเสียงในเมืองราวัลปินดี เมื่อปี 2007 ที่ตามมาด้วยการที่เหล่าผู้สนับสนุนผู้นำหญิงผู้นี้ออกมาก่อความรุนแรงเพื่อระบายความโกรธแค้น
การปะทะระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจนับจากที่มีการจับกุมอดีตนายกฯ ข่าน เมื่อวันอังคาร (9) ทำให้ผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน และบาดเจ็บอีกนับสิบ และมีรายงานว่า ตำรวจได้รับบาดเจ็บกว่า 200 นาย
นอกจากนั้น ผู้ประท้วงยังเผาสถานีรถไฟที่ชานกรุงอิสลามาบัดเมื่อคืนวันพุธ
ตำรวจแถลงในวันพฤหัสบดี (11) ว่า ได้กวาดจับผู้สนับสนุนข่านเกือบ 1,600 คนเมื่อคืนวันพุธด้วยข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และโจมตีที่ทำการทางทหาร ตัวอย่างเช่นมีการจุดไฟเผาที่พักของผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพในเมืองลาฮอร์เมื่อวันอังคาร ทำให้จำนวนผู้ถูกจับนับตั้งแต่วันอังคารเพิ่มขึ้นเป็นราวๆ 2,300 คน
ทั้งนี้ สถานการณ์ปะทุเดือดพล่าน ภายหลังข่านถูกพวกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงลากตัวออกไปจากศาลแห่งหนึ่งในอิสลามาบัด ที่เขาเดินทางไปรับฟังข้อกล่าวหาติดสินบนเมื่อวันอังคาร และขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในพื้นที่ของตำรวจในเมืองหลวงปากีสถาน โดยที่ในวันพุธได้มีการจัดสถานที่แห่งนั้นให้เป็นศาลคดีคอร์รัปชันชั่วคราว และผู้พิพากษาสั่งให้ควบคุมตัวข่าน ผู้นำฝ่ายค้านวัย 70 ปี ไปอย่างน้อยอีก 8 วัน ทำให้มีแนวโน้มมากขึ้นว่า ความไม่สงบจะบานปลายต่อไป
มีรายงานด้วยว่า ในวันพฤหัสฯ ตำรวจยังเพิ่มข้อหาก่อการร้ายให้ข่าน และพวกผู้นำระดับสูงของพรรคปากีสถาน เตห์รีค-อี-อินซาฟ (พีทีไอ) ของเขา จากการยุยงปลุกปั่นให้ผู้ประท้วงก่อความรุนแรง ซึ่งหมายถึงการโจมตีที่ทำการต่างๆ ของฝ่ายทหาร ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ เผารถตำรวจหลายสิบคัน โจมตีตำรวจ และขัดขวางการดำเนินชีวิตด้วยการปิดถนนและทางหลวงสำคัญหลายสายในช่วง 2 วันที่ผ่านมา
ทางด้านนายกรัฐมนตีชาห์บาซ ชารีฟ ที่เข้ารับตำแหน่งหลังจากข่าน ถูกปลดออกเพราะแพ้การลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐสภาเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว กล่าวปราศรัยเมื่อคืนวันพุธโดยระบุว่า เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดจากเหล่าผู้สนับสนุนข่าน ทำให้ทรัพย์สินทั้งของสาธารณะและเอกชนเสียหาย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจส่งทหารเข้าปราบปรามทั้งในอิสลามาบัด และที่ปัญจาบซึ่งเป็นแคว้นที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ และในพื้นที่อ่อนไหวทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
ชารีฟ เสริมว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่คนปากีสถานไม่เคยพบเห็นมาก่อน เช่น คนป่วยถูกนำตัวออกจากรถพยาบาล ก่อนจุดไฟเผารถ
ผู้นำปากีสถานเตือนว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงจะถูกลงโทษเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง และเสริมว่า ข่านถูกจับกุมเนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมยืนยันว่า มีหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหาเหล่านั้น
ทั้งนี้ ภายหลังเกิดความรุนแรง รัฐบาลสั่งปิดโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยทั้งในแคว้นปัญจาบ และในแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือที่มีผู้สนับสนุนข่านจำนวนมาก อีกทั้งเป็นพื้นที่ที่เกิดความรุนแรงมากที่สุดนับจากการจับกุมอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ และรัฐบาลยังระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
เจ้าหน้าที่เผยว่า การที่ผู้สนับสนุนข่านเจาะจงโจมตีที่ทำการทางทหาร เนื่องจากข่านกล่าวหากองทัพอยู่เบื้องหลังการโค่นอำนาจตนเมื่อปีที่แล้ว และยังกล่าวหาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างวอชิงตันกับรัฐบาลชารีฟ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดเหล่านี้ต่างปฏิเสธ
กองทัพยังแถลงเมื่อวันพุธโดยประกาศว่า จะตอบโต้การโจมตีของผู้ประท้วงอย่างเด็ดขาด และกล่าวหาว่า การโจมตีที่ทำการทางทหารบ่งชี้ว่ามีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า
(ที่มา : เอพี)