เอเชีย รวมทั้งประเทศไทยปีนี้มีแนวโน้มผลิตข้าวได้สูงขึ้น สืบเนื่องจากราคาที่แพงขึ้นเป็นตัวกระตุ้นให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งใช้ปุ๋ยมากขึ้น ช่วยผ่อนคลายความกังวลเรื่องอุปทาน หลังจากเมื่อปีที่แล้วผลผลิตข้าวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
ผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังในอินเดียและไทย 2 ประเทศผู้ส่งออกข้าวมากเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลก ได้เพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับเมื่อปีที่แล้ว และเกษตรกรกำลังมุ่งหวังเร่งปลูกข้าวนาปีให้มากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ราคาพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี
เชอร์ลีย์ มุสตาฟา นักเศรษฐศาสตร์ขององค์การอาหารและเกษตร (เอฟเอโอ) แห่งสหประชาชาติ ระบุว่า พวกผู้ผลิตรายใหญ่ในซีกโลกเหนือ ซึ่งรวมถึงอินเดีย ปากีสถาน และไทย จะเริ่มปลูกข้าวนาปีกันในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน
มุสตาฟา เสริมว่า จะมีการเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวเพื่อตอบสนองต่อราคาข้าวที่สูงขึ้น ขณะที่การเข้าถึงปุ๋ยได้มากขึ้นอาจช่วยให้การเพิ่มผลผลิตข้าวมีความยั่งยืน
เมื่อปีที่แล้ว การที่อินเดียประกาศใช้มาตรการจำกัดการส่งออก ประกอบกับผลผลิตข้าวทั่วโลกยังลดต่ำลงภายหลังเภาวะคลื่นร้อนเล่นงานจีน และอุทกภัยถล่มปากีสถาน จึงดันราคาข้าวให้แพงขึ้น และทำให้มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะราคาอาหารเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาข้าวได้ลดต่ำลงมา โดยเมื่อดูจากราคาข้าว 5% ในอินเดีย ที่เรียกกันว่า RI-INBKN5-P1 และราคาข้าว 5% ในไทย หรือ RI-THBKN5-P1 ซึ่งนิยมใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับราคาข้าวในตลาดโลกนั้น จะเห็นได้ว่าราคาข้าวในช่วงต้นปี 2023 นี้ ได้ลดลงต่ำกว่าราคาสูงสุดซึ่งเห็นกันในรอบ 2 ปีมานี้
ในอินเดียนั้น ผลผลิตจากการปลูกข้าวฤดูหนาว หรือข้าวนาปรังของแดนภารตะ ปีนี้ทำได้ 22.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 18.5 ล้านตันเมื่อปีที่แล้ว สืบเนื่องจากฝนในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ตกมากกว่าปริมาณเฉลี่ย จึงเปิดทางให้เกษตรกรสามารถขยายพื้นที่เพาะปลูก ผลผลิตซึ่งสูงขึ้นนี้กลายเป็นการชดเชยผลผลิตที่ลดลงในการทำนาปีช่วงฤดูร้อนปีก่อน
สำหรับไทยนั้น คาดกันว่าผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 5.1 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 24% จากปีที่แล้ว ทั้งนี้ จากข้อมูลของเอฟเอโอ
ผู้ค้าคนหนึ่งของบริษัทการค้าระหว่างประเทศที่ประจำอยู่ในกรุงเทพฯ เผยว่า ข้าวนาปรังของไทยได้ผลผลิตสูงขึ้นมาก สืบเนื่องจากปีที่แล้วฝนตกชุก และเขื่อนชลประทานต่างๆ จึงกักเก็บน้ำเอาไว้มากพอสำหรับปล่อยออกมาช่วยเกษตรกรในช่วงปลูกข้าวนาปรัง
ทางด้านสภาธัญพืชระหว่างประเทศ (ไอจีซี) คาดการณ์ว่า ในฤดูกาลปี 2023/24 พื้นที่ที่ปลูกข้าวทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 165.70 ล้านเฮกตาร์ จาก 163.74 ล้านเฮกตาร์ในฤดูกาลปีก่อนหน้า ส่วนผลผลิตข้าวทั่วโลกนั้นคาดว่า จะเพิ่มขึ้นเป็น 521.49 ล้านตัน จาก 509.30 ล้านตัน
ปีเตอร์ คลับบ์ นักวิเคราะห์ตลาดของไอจีซี มองว่า ราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นจะส่งเสริมการปลูกข้าวในปี 2023/24 โดยเฉพาะในประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ๆ
นอกจากนั้น ยังคาดว่าเกษตรผู้ผลิตข้าวที่ได้แรงกระตุ้นจากราคาธัญพืชที่สูงขึ้นและต้นทุนธาตุอาหารพืชที่ลดต่ำลง จะพากันใช้ปุ๋ยเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มผลผลิต
ทั้งนี้ ราคาปุ๋ยในไตรมาสแรกของปีนี้ลดลง เนื่องจากการฟื้นตัวของอุปทานจากเบลารุส ซึ่งเป็นผู้ส่งออกโพแทชรายใหญ่สุดอันดับ 3 ของโลก รวมทั้งไนโตเจน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญอีกตัวหนึ่งของปุ๋ย ต่ำลงมาจากที่พุ่งขึ้นในปี 2022
อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการผลิตข้าวในเอเชีย โดยสำนักพยากรณ์อากาศบางแห่งคาดว่า จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่ทำให้พื้นที่กว้างขวางในภูมิภาคนี้เผชิญความแห้งแล้ง
คลับบ์ ยอมรับว่า เวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์เรื่องสภาพอากาศที่จะส่งผลต่อการเพาะปลูกข้าวในเอเชีย แต่แน่นอนทีเดียวว่าเรื่องปริมาณฝนตกและปรากฏการณ์เอลนีโญจะส่งผลกระทบรุนแรงแค่ไหนและเป็นระยะเวลายาวนานเพียงใด จะกลายเป็นตัวชี้ขาดสุดท้ายของผลผลิตข้าว
(ที่มา : รอยเตอร์)