“พาณิชย์”เคาะส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 29 จ่ายชดเชยแค่ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ส่วนข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่าย เหตุราคาทะลุเพดาน และข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูกาล โดยเงินจะเข้าบัญชี 3 พ.ค.นี้ เผยมีแนวโน้มระยะต่อไป อาจจะต้องไม่จ่ายชดเชยเลย หลังราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 งวดที่ 29 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 22-28 เม.ย.2566 โดยมีการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ส่วนข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่าย เพราะราคาสูงกว่าเป้าหมาย และข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง เนื่องจากสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว
โดยข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,622.75 บาท ชดเชยตันละ 377.25 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 6,036.00 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,132.26 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 11,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 10,128.73 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,543.85 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 12,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีการคำนวณส่วนต่าง เพราะสิ้นสุดฤดูกาล
ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 3 พ.ค.2566
นายอุดมกล่าวว่า ขณะนี้ ราคาข้าวหลายชนิดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรขายข้าวได้ราคาดี ในระดับที่สูงกว่าราคาประกัน จนไม่มีส่วนต่างชดเชย ส่งผลให้รัฐบาลใช้งบประมาณในการจ่ายชดเชยส่วนต่างน้อยลง ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงชนิดเดียว และคาดว่า ในระยะต่อไป อาจจะไม่ต้องจ่ายส่วนต่างเลยก็ได้
สำหรับสถานการณ์การซื้อขายข้าวในตลาดช่วงนี้ ผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทย ให้ข้อมูลว่า มีความต้องการข้าวเจ้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนข้าวชนิดอื่น ๆ มีการซื้อขายกันไม่มากนัก ทำให้ราคาค่อนข้างทรงตัว และสถานการณ์การส่งออก ผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้ข้อมูลว่า ข้าวเจ้ายังมีความต้องการเยอะพอสมควร โดยเฉพาะจากประเทศทางตะวันออกกลาง ส่วนข้าวหอมมะลิ ยังมีคำสั่งซื้อจากฮ่องกง และสหรัฐฯ อยู่เรื่อย ๆ แต่หลังจากนี้ไป อาจจะส่งออกข้าวได้ลดลงจากช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม และอินเดียเริ่มส่งออกมากขึ้น และปริมาณผลผลิตไม่ได้ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ แต่ในภาพรวม ยังคงดูดีอยู่ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากทั่วโลกยังมีความต้องการข้าวในปริมาณมาก
ส่วนการจ่ายส่วนต่างในงวดที่ 1-28 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้แล้วกว่า 2.635 ล้านครัวเรือน วงเงิน 7,866.20 ล้านบาท และการช่วยเหลือไร่ละพันบาท เกษตรกรได้รับเงินแล้วกว่า 4.649 ล้านครัวเรือน วงเงิน 54,067.75 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์แต่ยังไม่ได้รับเงิน ขอให้ ติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน เพื่อให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ กรมฯ ขอความร่วมมือเกษตรกร โรงสี ผู้ค้า และหน่วยงานในพื้นที่ กำกับดูแลและเพิ่มการตรวจสอบ ระมัดระวังไม่ให้เกิดการปลอมปนข้าว เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพข้าวและการส่งออกข้าวได้ และยังได้เพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใด ๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569