รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงผู้นำพิธีวันอีสเตอร์กลางจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์คืนวันเสาร์(8 เม.ย)ภายในวาติกันเฉลิมฉลองการการคืนพระชนม์ชีพของพระเยซู ส่งสารไปยังรัสเซียร้องหาความจริงในการรุกรานยูเครนและช่วยนำพลเมืองยูเครนทั้งหลายไปสู่สันติภาพ ก่อนทรงประณามความรุนแรงเกิดขึ้นที่มัสยิดอัลอักศอหลังตำรวจอิสราเอลบุกปะทะกับชาวมุสลิมด้านในมาสู่ความขัดแย้งลุกลามเทลอาวีฟยิงจรวดโจมตีกลุ่มฮามาสในเลบานอนและกาซ่า
รอยเตอร์รายงานวันนี้(9 เม.ย)ว่า ท่ามกลางดอกไม้หลากสีร่วม 38,000 ดอกที่ถวายโดยเนเธอร์แลนด์ถูกประดับประดาอย่างสวยงามกลางจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเป็นผู้นำประกอบพิธีมิสซาเนื่องในวันอีสเตอร์คืนวันเสาร์(8)ที่ถือเป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ซึ่งเป็นวันที่พระเยซูเจ้าทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพอีกครั้งหลังทรงถูกตรึงไม้กางเขน
รอยเตอร์รายงานว่า โป๊ปฟรานซิสทรงมีปัญหาพระพลานามัยหลังจากทรงประชวรหลอดลมอักเสบ และต้องประทับที่โรงพยาบาลก่อนหน้าตัดสินพระทัยไม่ร่วมพิธีวันศุกร์ประเสริฐหรือ Good Friday ซึ่งเป็นวันที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เหนือไม้กางเขน
ท่ามกลางผู้แสวงบุญชาวคริสต์จากทั่วโลกที่มารวมตัวกันร่วม 100,000 คน สมเด็จพระสันตะปาปาทรงส่งสาร Urbi et Orbi (ที่เมืองต่างๆและทั่วโลก)อำนวยพรเนื่องในวันอีสเตอร์โดยตรัสว่า “พวกเราไม่ได้อยู่ตามลำพัง พระเยซูเจ้าอยู่กับพวกเรา” อ้างอิงจากสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐฯ
ซึ่งในสารที่ทรงประทานออกมายังกล่าวไปถึงสงครามยูเครนและความคุกรุ่นของความรุนแรงในตะวันออกกลางมีใจความว่า
“ช่วยประชาชนชาวยูเครนอันเป็นที่รักในหนทางของพวกเขาที่นำไปสู่สันติภาพ และส่องแสงสว่างของอีสเตอร์ไปยังประชาชนรัสเซีย”
รอยเตอร์ชี้ว่า นับตั้งแต่ยูเครนถูกรัสเซียรุกรานตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา พระประมุขแห่งโฮลีซีวัย 86 พรรษาทรงมักตรัสถึงชาวยูเครนว่าเป็น ผู้ยอมสละชีวิต (matyr) ขณะเดียวกันทรงเปรียบเปรยการกระทำรัสเซียว่าเป็น ความก้าวร้ายและป่าเถื่อน
โดยในวันอาทิตย์(9) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า “ให้ปลอบประโลมต่อผู้บาดเจ็บและผู้ที่ต้องสูญเสียบุคคลที่รักเนื่องมาจากการกระทำของสงคราม และทำให้เชลยสงครามสามารถเดินทางกลับไปหาครอบครัวได้อย่างปลอดภัย รวมไปถึงเปิดหัวใจของทั้งประชาคมโลกเพื่อทำให้สงครามนี้สิ้นสุดและรวมไปถึงความขัดแย้งทั้งหมดและการหลั่งเลือดในโลกของเรา”
รอยเตอร์รายงานว่า เหมือนเช่นในเทศกาลอีสเตอร์ทุกปีที่พระองค์จะทรงเรียกร้องสันติภาพในตะวันออกกลาง โดยพระองค์ตรัสไปถึงวิกฤตความรุนแรงเกิดจากตำรวจอิสราเอลบุกเข้ามัสยิดอัลอักศอในเมืองเยรูซาเลมและจบลงด้วยการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้แสวงบุญชาวมุสลิมภายในมัสยิดศักดิสิทธิ์วันพุธ(5) นำมาสู่การโจมตีตอบโต้ระหว่างเทลอาวีฟและกองกำลังติดอาวุธฮามาสในเลบานอนและกาซ่า
อ้างอิงจากเอเอฟพี พบว่าในวันถัดมามีจรวด 30 ลูกยิงออกมาจากเลบานอนและฉนวนกาซ่าและส่งผลทำให้เทลอาวีฟโจมตีตอบโต้กลับไปอย่างหนัก โดยมีเป้าหมายไปที่สิ่งปลูกสร้างของฮามาส และวันอาทิตย์(9) อิสราเอลยิงปืนใหญ่โจมตีซีเรียเพื่อตอบโต้หลังพบมีการยิงจรวดเข้าไปในดินแดนอิสราเอล
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันเสาร์(8)ว่า จอร์แดนส่งคำเตือนไปยังนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูว่า อิสราเอลต้องรับผลร้ายที่จะตามมาหากว่ามีการส่งกำลังบุกเข้ามัสยิดอัลอักศอรอบใหม่
โป๊ปฟรานซิสทรงตรัสว่า “เนื่องในวันนี้ โอพระผู้เป็นเจ้า พวกเรามอบความไว้วางใจพระองค์ต่อเมืองแห่งเยรูซาเลม ซึ่งเป็นพยานแรกของการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระองค์ ข้าพเจ้ามีความวิตกอย่างลึกซึ้งต่อการโจมตีเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ที่คุกคามบรรยากาศความหวังของความเชื่อมั่น และความนับถือกลับคืน ความจำเป็นต้องหวนกลับไปยังการเจรจาระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อีกครั้ง ดังนั้นแล้วสันติภาพอาจบังเกิดขึ้นในนครศักดิสิทธิ์และทั่วทั้งภูมิภาค”
นอกจากนี้ภายในสารคำอำนวยพร พบว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังทรงตรัสไปถึงความขัดแย้งในพม่าซึ่งชาวมุสลิมโรฮิงญายังคงเผชิญต่อความอยุติธรรม