เกิดเหตุคนร้ายขับรถยนต์พุ่งเข้าใส่ประชาชนในกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอลเมื่อวันศุกร์ (7 เม.ย.) ทำให้นักท่องเที่ยวชาวอิตาลีเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 5 คน
ตำรวจอิสราเอล 1 นายซึ่งเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุพบรถยนต์ของผู้ก่อเหตุในสภาพพลิกคว่ำอยู่บนสนามหญ้าใกล้ๆ กับทางปั่นจักรยานและถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงของกรุงเทลอาวีฟ และสามารถควบคุมตัวคนร้ายเอาไว้ได้ในขณะที่เขากำลังพยายาม “ชักปืน” ออกมา
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงอิสราเอลระบุว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับจากเมืองกาฟร์กอสเซ็ม (Kafr Qassem)
อันโตนิโอ ทาจานี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี ยืนยันผ่านทวิตเตอร์ว่า ชาย 1 คนที่เสียชีวิตเป็นพลเมืองอิตาลี
เหตุการณ์นี้ถือเป็นการโจมตีครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นภายในรอบวัน ถัดจากกรณีหญิงอิสราเอลพี่น้องอายุ 20 และ 16 ปี ซึ่งถือสัญชาติอังกฤษด้วย ถูกคนร้ายบุกยิงถล่มรถยนต์ในเขตเวสต์แบงก์จนเสียชีวิตทั้งคู่ ส่วนมารดาของทั้งสองก็ได้รับบาดเจ็บ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (7) ว่า อเมริกาขอประณามด้วยถ้อยคำรุนแรงต่อเหตุก่อการร้ายซึ่งทำให้พลเมืองอิตาลี อิสราเอล และอังกฤษต้องบาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมระบุว่าการพุ่งเป้าโจมตีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ไม่ว่าจะเป็นคนสัญชาติใด ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ “ไร้สติ”
ด้านนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลได้มีคำสั่ง “เรียกระดมตำรวจตระเวนชายแดนทุกหน่วย และให้กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอล (IDF) เสริมกำลังพลเพิ่มเติม เพื่อเตรียมรับมือเหตุก่อการร้าย” ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก
แม้จะยังไม่กลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีทั้ง 2 ครั้ง ทว่ากลุ่ม “ฮามาส” ซึ่งเป็นขบวนการอิสลามิสต์ที่ควบคุมพื้นที่ฉนวนกาซาได้ออกมาแถลงชื่นชมผู้ก่อเหตุ และอ้างว่าเป็นการตอบโต้ที่ตำรวจอิสราเอลนำอาวุธบุกเข้าไปทำร้ายผู้แสวงบุญชาวปาเลสไตน์ในมัสยิดอัล-อักซอที่เขตเมืองเก่าเยรูซาเลมเมื่อไม่กี่วันก่อน
ที่มา : รอยเตอร์
