พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯ บอกกับสมาชิกรัฐสภาเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ว่า จีน รัสเซีย และอิหร่านจะเป็นปัญหาสำหรับอเมริกา "ในช่วงหลายปีข้างหน้า" ในขณะที่ทั้ง 3 ชาติกำลังทำงานร่วมกันใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
ระหว่างให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการด้านการทหารของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ร่วมกับ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม ทาง พล.อ.มิลลีย์ เปิดเผยว่า รัสเซียและจีนกำลังร่วมมือใกล้ชิดกันมากยิ่ง "ผมคงไม่ใช้คำว่าพันธมิตรเต็มรูปแบบอย่างแท้จริง ในความหมายที่แท้จริงของคำนั้น แต่เรากำลังเห็นพวกเขาเคลื่อนไหวใกล้ชิดกันมากขึ้น และนั่นเป็นปัญหา และจากนั้น อิหร่านก็เป็นประเทศที่ 3 ดังนั้น ผมคิดว่า 3 ประเทศเหล่านี้รวมกัน จะกลายเป็นปัญหาสำหรับหลายขวบปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัสเซียและจีน สืบเนื่องจากศักยภาพของพวกเขา"
ท่ามกลางเสียงเน้นย้ำมานานหลายปีของสหรัฐฯ ว่าทั้ง 3 ประเทศได้มุ่งเน้นด้านการทหารอย่างมาก โดยเฉพาะจีนและรัสเซีย ความตึงเครียดระหว่างอเมริกากับทั้ง 3 ชาติ ได้โหมกระพือขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้
ในขณะที่สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือยูเครน ในการป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย ความตึงเครียดกับจีนได้พุ่งสูงขึ้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมา หลังจากพบวัตถุบินต้องสงสัยว่าเป็นบอลลูนสอดแนมของจีน ล่องลอยข้ามน่านฟ้าอเมริกา ก่อนถูกเครื่องบินรบสหรัฐฯ ยิงตกนอกชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีตอบโต้พวกนักรบกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในซีเรีย หลังโดรนต้องสงสัยว่าเป็นของอิหร่าน ทำการโจมตีศูนย์แห่งหนึ่งซึ่งเป็นฐานของบุคลากรสหรัฐฯ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่สัญญาจ้างรายหนึ่งของอเมริกาเสียชีวิต และกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 5 นาย
ตามหลังปฏิบัติการโจมตีของสหรัฐฯ พวกนักรบได้ยิงจรวดและส่งโดรนโจมตีเพิ่มเติม เล่นงานเป้าหมายต่างๆ ที่เป็นของอเมริกาและบุคลากรของพันธมิตรในซีเรีย
พล.อ.มิลลีย์ กล่าวเตือนระหว่างให้ปากคำในวันอังคาร (28 มี.ค.) ว่า "อิหร่านอาจผลิตวัสดุฟิสไซล์ได้มากพอสำหรับอาวุธนิวเคลียร์หนึ่งภายในเวลาราว 2 สัปดาห์ และท้ายที่สุดอาจสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้ภายในเวลาหลายเดือนหลังจากนั้น" พร้อมระบุ "กองทัพสหรัฐฯ ได้คิดหาทางเลือกต่างๆ ให้ผู้นำของประเทศของเราได้พิจารณา ถ้าอิหร่านตัดสินใจพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์"
อย่างไรก็ตาม ในวันพุธ (29 มี.ค.) เขาเจาะจงไปที่จีนและรัสเซีย ว่า "มีหนทางต่างๆ ที่จะคุกคามผลประโยชน์และวิถีชีวิตของเขา" พร้อมเน้นว่าเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญหน้ากับมหาอำนาจนิวเคลียร์หลัก 2 ชาติ
พล.อ.มิลลีย์ กล่าวว่า แม้แสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ของจีน ยังไม่เทียบเท่ากับสหรัฐฯ แต่ก็ยังคงเป็นสิ่งที่มีนัยสำคัญ "บางทีเราอาจไม่สามารถทำอะไรได้เลยในการหยุด ชะลอ ขัดขวาง ห้ามปรามหรือทำลายโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของจีน ที่พวกเขาได้วางแผนในช่วง 10 ถึง 20 ปีข้างหน้า พวกเขากำลังเดินหน้าตามแผนของพวกเขา และผมคิดว่า เรามีอิทธิพลเพียงน้อยนิดที่เราจะสามารถทำจากภายนอกสำหรับขัดขวางไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น"
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น)