จับตาจลาจล! ทรัมป์ใกล้โดนจับหลังสื่อเผยคณะลุกขุนใหญ่สั่งฟ้อง กลายเป็นอดีต ปธน.สหรัฐฯ คนแรกเจอข้อหาอาญา

โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกสั่งฟ้องโดยคณะลูกขุนใหญ่แมนฮัตตันชุดหนึ่ง ตามหลังการไต่สวนเกี่ยวกับเงินค่าปิดปากแก่ สตอร์มี แดเนียลส์ นักแสดงหนังสำหรับผู้ใหญ่ รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว 2 คนในวันพฤหัสบดี (30 มี.ค.) กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เผชิญข้อหาทางอาญา ในขณะที่เขาเตรียมลงสมัครชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวอีกสมัย

ข้อกล่าวหาเหล่านี้ ซึ่งเกิดขึ้นจากการสืบสวนที่นำโดย อัลวิน แบรกก์ อัยการเขตแมนฮัตตัน จากเดโมแครต อาจเปลี่ยนรูปร่างของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 แม้ว่า ทรัมป์ เคยบอกว่าเขาจะเดินหน้ารณรงค์หาเสียง แย่งชิงเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันต่อไป แม้หากถูกตั้งข้อหาทางอาญา

นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่ายังไม่ทราบอย่างเจาะจงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเหล่านั้น แต่คาดหมายว่าจะมีการแถลงเกี่ยวกับการสั่งฟ้องในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดย ทรัมป์ จะต้องเดินทางไปแมนฮัตตันเพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือและกระบวนการอื่นๆ

ซูซาน เนเชลส์ ทนายความตัวแทนของทรัทป์ เผยว่าเธอได้รับแจ้งเกี่้ยวกับการสั่งฟ้องแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะมอบตัว ในขณะที่แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่บังคับใช้รายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม ยืนยันเกี่ยวกับการสั่งฟ้องเช่นกัน

ทรัมป์ วัย 76 ปี ลงสู้ศึกเลือกตั้งหวังนั่งเก้าอี้ต่ออีกสมัยในปี 2020 แต่พ่ายแพ้ให้แก่ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ทรัมป์กล่าวอ้างว่าเขาปราศชัยต่อไบเดน สืบเนื่องจากมีการโกงอย่างกว้างขวาง และเรียกการสืบสวนที่นำมาซึ่งการสั่งฟ้องเขาว่าเป็น "การล่าแม่มดทางการเมือง" ในขณะที่สำนักงานอัยการของ แบรกก์ เมื่อปีที่แล้ว ได้รับชัยชนะในความพยายามเอาผิดทางอาญากับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของนักธุรกิจที่ผันตัวมาเป็นนักการเมืองรายนี้

การสืบสวนของอัยการแมนฮัตตัน เป็นหนึ่งในความท้าทายทางกฎหมายต่างๆ ที่ทรัมป์กำลังเผชิญ และข้อกล่าวหาเหลานี้อาจส่งผลกระทบต่อความพยายามของเขาในการกลับสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัย โดยผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยรอยเตอร์/อิปซอส ซึ่งเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่ามีชาวรีพับลิกันถึง 44% ที่บอกว่าเขาควรถอนตัว หากถูกสั่งฟ้อง

แบรกก์ เรียกประชุมคณะลูกขุนใหญ่ในเดือนมกราคม เริ่มพิจารณาหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับบทบาทของทรัมป์ ในการจ่ายเงินให้แก่ แดเนียลส์ ไม่กี่วันก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของเขา ทั้งนี้ ดาเนียลส์ หรือชื่อจริงว่า สเตฟานี คลิฟฟอร์ด บอกว่าเธอได้รับเงินแลกกับการปิดปากเงียบ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับทรัมป์ ในช่วงปี 2006 ซึ่งมันอาจเข้าข่ายการใช้จ่ายเงินในการรณรงค์หาเสียงที่ผิดกฎหมายในศึกเลือกตั้ง

ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความส่วนตัวของทรัมป์ ให้ปากคำว่าอดีตประธานาธิบดีรายนี้ เป็นคนสั่งการให้จ่ายเงินปิดปาก ดาเนียลส์ และคาเรน แม็คดูกาล อดีตนางแบบเพลย์บอย ซึ่งอ้างเช่นกันว่าเธอมีเพศสัมพันธ์กับทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงทั้งสอง

อัยการกลางทำการสืบสวนการจ่ายเงินปิดปาก ดาเนียลส์ ในปี 2018 จนนำไปมาสู่การลงโทษจำคุกโคเฮน แต่ไม่มีการตั้งข้อหาทรัมป์

ไม่เคยมีอดีตประธานาธิบดี หรือประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งคนใดของสหรัฐฯ ที่เคยเผชิญข้อหาทางอาญามาก่อน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเผชิญกับการสืบสวนทางอาญาโดยที่ปรึกษารายหนึ่งที่ได้รับการแต่งตั้งจาก เมอร์ริค การ์แลนด์ รัฐมนตรียุติธรรม อีก 2 คดี และจากอัยการท้องถิ่นรายหนึ่งในรัฐจอร์เจีย อีก 1 คดี

ทรัมป์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างปี 2017 ถึง 2021 เคยถูกถอดถอยโดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2019 จากการกระทำของเขาในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน และอีกครั้งในปี 2021 ในกรณีที่พวกผู้สนับสนุนของเขาก่อเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภา อย่างไรก็ตาม วุฒิสภาชำระความผิดให้เขาทั้ง 2 รอบ

ทรัมป์ เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันที่ 18 มีนาคม คาดหมายว่าตนเองจะถูกจับกุมในวันที่ 21 มีนาคม และเรียกร้องให้พวกผู้สนับสนุนออกมาประท้วง "เพื่อทวงคืนประเทศของเรา" ย้อนให้นึกถึงการปลุกระดมของเขา ก่อนหน้าเหตุโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021

สมาชิกรีพับลิกันหลายคนในสภาคองเกรส กล่าวหา แบรกก์ ว่าเป็นอัยการที่มาจากการแต่งตั้ง ที่มาพร้อมกับแรงจูงใจทางการเมือง

ในเบื้องต้น เมื่อปี 2018 ทรัมป์ ปฏิเสธว่าเขาไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับการจ่ายเงินปิดปากเลย อย่างไรก็ตาม ต่อมาเขายอมรับว่าได้จ่ายเงินคืนแก่ โคเฮน ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นเพียงแค่การทำธุรกรรมส่วนตัวเฉยๆ

สำนักงานอัยการเขตแมนฮัตตัน ทำการประเมินเกี่ยวกับแนวทางที่ทรัมป์คืนเงินให้แก่โคเฮน โดยแม้ประวัติการชำระเงินระบุว่ามันเป็น "ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย" แต่ทางอัยการโต้แย้งว่ามันอาจเท่ากับว่า ทรัมป์ ให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับบันทึกทางธุรกิจ

แม้มันเป็นความผิดอาญาประเภทลหุโทษในนิวยอร์ก ซึ่งปกติแล้วจะถูกลงทัณฑ์ด้วยการปรับเงิน แต่พวกนักวิเคราะห์ทางกฎหมายบอกว่ามันอาจถูกยกระดับเป็นความผิดทางอาญาที่มีความร้ายแรงกว่า ซึ่งมีโทษถึงขั้นจำคุก หากอัยการโต้แย้งว่ามีการโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดฐานละเมิดกฎหมายหาเสียงเลือกตั้ง

(ที่มา : รอยเตอร์)