xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันพุ่ง $3 ทองคำร่วง $30 หุ้นสหรัฐฯ บวกรับข่าว 'เฟิร์สต์ ซิติเซนส์' ซื้อกิจการแบงก์ล้ม SVB

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ ในวันจันทร์ (27 มี.ค.) หลังอิรักระงับการส่งออกน้ำมันดิบบางส่วนจากแคว้นกึ่งปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน ก่อความกังวลทางอุปทาน ในขณะที่วอลล์สตรีท และทองคำปิดบวก คลายวิตกวิกฤตสถาบันการเงิน จากข้อตกลงเข้าซื้อทรัพย์สินของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 3.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 3.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันได้แรงหนุนหลังตุรกีหยุดสูบน้ำมันดิบจากเคอร์ดิสถาน ผ่านท่อลำเลียงหนึ่ง ตามหลังคำตัดสินของคณะอนุญาโตตุลาการชุดหนึ่ง ที่ยืนยันว่าการส่งออกน้ำมันจำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากอิรักเสียก่อน ทั้งนี้ตัวเลขการส่งออกของท่อลำเลียงแห่งนี้คิดเป็นสัดส่วนราว 0.5% ของอุปทานน้ำมันโลก หรือประมาณ 450,000 บาร์เรลต่อวัน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (27 มี.ค.) ปิดผสมผสาน โดยดาวโจนส์และเอสแอนด์พีขยับขึ้น ข้อตกลงซื้อทรัพย์สินของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ ช่วยนักลงทุนมีความมั่นใจในภาคธนาคาร ส่วนแนสแดคถูกฉุดจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 194.55 จุด (0.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 32,432.08 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.54 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,977.53 จุด แนสแดค ลดลง 55.12 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,768.84 จุด

เจพีมอร์แกน เชส และแบงก์ ออฟ อเมริกา เป็นหนึ่งในบรรดาหุ้นที่มอบแรงหนุนแก่เอสแอนด์พี 500 มากที่สุดในวันจันทร์ (27 มี.ค.)

หุ้นของธนาคารเฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์ พุ่งขึ้น หลังบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FDIC) เปิดเผยว่า เฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์ จะเข้าซื้อกิจการของธนาคารซิลลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (เอสวีบี) ซึ่งครอบคลุมถึงเงินฝากและเงินกู้ทั้งหมดของเอสวีบี คิดเป็นมูลค่า 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากมูลค่าเดิมที่ 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์

แฟรงค์ โฮลดิ้ง จูเนียร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ เฟิร์สต์ ซิติเซนต์ กล่าวว่า “การทำธุรกรรมกับ FDIC ในครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นใจระบบการเงินของสหรัฐฯ โดยเฟิร์สต์ ซิติเซนต์ มีสินทรัพย์ประมาณ 1.09 แสนล้านดอลลาร์ และมีเงินฝากประมาณ 8.94 หมื่นล้านดอลลาร์

ซิลลิคอน วัลเลย์ แบงก์ พังครืนลงเมื่อช่วงต้นเดือน ถือเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดที่ล่มสลายนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008

รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งปิดกิจการ SVB เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พร้อมกับมอบหมายให้ FDIC เข้าควบคุมกิจการและเป็นผู้ดูแลเงินฝากของ SVB หลังจาก SVB ประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการที่ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตาร์ทอัปในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีนั้นแห่ถอนเงินออกจากธนาคาร

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและหลายครั้งติดต่อกันถือเป็นต้นเหตุของปัญหา เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของธุรกิจต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัป และบริษัทเทคโนโลยีที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ SVB

เมื่อต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น ทำให้ธุรกิจเหล่านี้แห่ถอนเงินฝากจาก SVB เพื่อใช้ในธุรกิจ ส่งผลให้ SVB ต้องเพิ่มทุนด้วยการขายพันธบัตรรัฐบาลที่ถือไว้ แต่ราคาพันธบัตรปรับตัวลงสวนทางกับดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นตามนโยบายเฟด จึงทำให้ SVB จำใจต้องขายพันธบัตรในราคาต่ำกว่าหน้าตั๋ว ซึ่งทำให้ขาดทุน และล้มละลายในที่สุด

อีกด้านหนึ่ง หุ้นของธนาคารเฟิร์สต์ รีพับลิก ดีดตัวขึ้นเช่นกัน หลังสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังพิจารณาให้การสนับสนุนสถาบันการเงินต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งอาจยืดเวลาให้เฟิร์สต์ รีพับลิก ที่กำลังประสบปัญหาเสริมความเข้มแข็งด้านงบดุล

ความกังวลที่ผ่อนคลายลงไปต่อวิกฤตภาคธนาคาร ผลักนักลงทุนเมินสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และฉุดราคาทองคำขยับลงในวันจันทร์ (27 มี.ค.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 30.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,953.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น