รัสเซียใช้ขีปนาวุธโจมตีอาคารพักอาศัยในยูเครนเมื่อวันพุธ (22 มี.ค.) หลังจากช่วงกลางคืนวันอังคาร (21) ได้ส่งฝูงโดรนออกไปถล่มเมืองต่างๆ มาแล้ว ทั้งนี้ ภายหลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เสร็จสิ้นการไปเยือนเมืองหลวงแดนหมีขาวเพื่อแสดงความสมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกันกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ขณะเดียวกันมอสโกได้แสดงความไม่พอใจ และขู่ตอบโต้ที่อังกฤษกำลังจัดส่ง “กระสุนยูเรเนียม” ไปให้เคียฟ
สี ซึ่งเดินทางออกจากกรุงมอสโกในวันพุธ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับรัสเซียในการรับมือตะวันตกระหว่างการประชุมซัมมิตในวันจันทร์ และวันอังคารกับปูติน กระนั้น สื่อตะวันตกพยายามคุ้ยเขี่ยประเด็นที่ว่า ผู้นำจีนแทบไม่เอ่ยถึงความขัดแย้งในยูเครน แต่กล่าวยืนยันในวันอังคาร (21) ว่า จีนมีจุดยืนเป็นกลางในประเด็นนี้
ด้านทำเนียบขาวโต้แย้งทันควันว่า จีนไม่ได้เป็นกลาง พร้อมเรียกร้องให้ปักกิ่งกดดันให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครนเพื่อยุติความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในยุโรปนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
สี และปูตินให้คำมั่นกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และประกาศว่า ความสัมพันธ์สองชาติขณะนี้ดีที่สุดแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
ในคำแถลงร่วม สองผู้นำกล่าวหาตะวันตกบ่อนทำลายเสถียรภาพโลก และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) พยายามขยายอิทธิพลเข้าสู่เอเชีย-แปซิฟิก แต่ยืนยันว่า การเป็นพันธมิตรใกล้ชิดระหว่างจีนกับรัสเซียไม่ใช่พันธมิตรทางการทหารหรือการเมือง
เกี่ยวกับยูเครนนั้น ปูตินยกย่องแผนสันติภาพ 12 ข้อที่สีเสนอเมื่อเดือนที่แล้ว และโทษเคียฟกับตะวันตกที่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ขณะที่ตะวันตกมองว่า แผนการดังกล่าวเป็นความพยายามของจีนในการซื้อเวลาเพื่อให้ปูตินรวบรวมกำลังพล และกระชับอำนาจในดินแดนที่รัสเซียเข้ายึดครอง
ทว่าเคียฟเองนั้นแสดงท่าทีรอบคอบมากกว่า โดยตอนที่จีนเปิดเผยแผนการนี้ได้แสดงความยินดีต้อนรับอย่างระมัดระวัง
ระหว่างการแถลงข่าวร่วมในวันอังคาร (21) กับนายกรัฐมนตรี ฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ซึ่งแวบไปเยือนยูเครนแบบไม่มีการประกาศล่วงหน้า ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี กล่าวว่า เคียฟได้เชื้อเชิญจีนให้ลงนามในแผนการสันติภาพซึ่งฝ่ายยูเครนเสนอเอาไว้เอง ทว่ายังไม่ได้รับคำตอบ นอกจากนั้น เซเลนสกียังกล่าวย้ำเรื่องที่เขาเรียกร้องให้สีพูดจาหารือกับเขา
ภายหลังการแถลงข่าวร่วมกับสี ปูตินยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มอสโกจำเป็นต้องโต้ตอบหากอังกฤษส่งอาวุธให้ยูเครน ซึ่งรวมถึงกระสุนเจาะเกราะที่มียูเรเนียมด้อยสมรรถนะเป็นส่วนประกอบ ตามที่แอนนาเบล โกลดี้ รัฐมนตรีรับผิดชอบด้านกลาโหมของอังกฤษพูดเอาไว้เมื่อวันจันทร์
ทั้งนี้ โกลดี้ เปิดเผยว่า พวกกระสุนสำหรับรถถังหลักแบบชาลเลนเจอร์ 2 ที่สหราชอาณาจักรกำลังจัดส่งไปยูเครน จะมีกระสุนเจาะยานเกราะ ซึ่งมีส่วนประกอบของยูเรเนียมด้อยสมรรถนะด้วย
"ถ้าทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้น รัสเซียจะตอบโต้อย่างทัดเทียมกัน มันเป็นการเปิดทางให้กลุ่มตะวันตกพร้อมสำหรับเริ่มใช้อาวุธที่มีส่วนประกอบของนิวเคลียร์" ปูติน บอก
ทว่า เจมส์ เคลเวอร์ลี รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ยืนยันในวันพุธว่า ไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามยูเครน และสำทับว่า รัสเซียเป็นประเทศเดียวในโลกที่พูดถึงประเด็นอาวุธนิวเคลียร์
วันเดียวกันนั้น กองทัพยูเครนแถลงว่า ในช่วงคืนวันอังคารระหว่างที่สียังอยู่ในมอสโก กองกำลังรัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ด้วยโดรน “ชาเฮด-136” จำนวน 21 ลำ และขณะที่สีเตรียมเดินทางออกจากมอสโกในวันพุธ เสียงสัญญาณเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังระงมทั่วกรุงเคียฟ รวมถึงดินแดนทางเหนือและตะวันออกของยูเครน อย่างไรก็ดี ไม่มีรายงานความเสียหายรุนแรง
ต่อมา เซเลนสกี ได้ทวีตเผยแพร่ภาพวิดีโอถ่ายจากกล้องรักษาความปลอดภัยของกลุ่มอาคารพำนักอาศัยกลุ่มหนึ่งในเมืองซาโปริซเซีย ทางภาคใต้ของยูเครน แสดงให้เห็นว่ามันกำลังระเบิดและเกิดไฟลุกไหม้ขณะถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธตอนกลางวันแสกๆ วันพุธ
สำนักข่าวรอยเตอร์บอกว่า สามารถยืนยันได้ว่าวิดีโอนี้เป็นของจริง รวมทั้งยังได้พบเห็นเหตุการณ์หลังจากนั้นอีกด้วย นั่นคือพวกพนักงานดับเพลิงพยายามเข้าไปดับไฟซึ่งลุกท่วมตัวอาคารที่ได้รับความเสียหาย พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบท้องถิ่นระบุว่า มีผู้เสียชีวิตซึ่งยืนยันแล้วอย่างน้อย 1 ราย และบาดเจ็บอีก 25 คน
ในอีกด้านหนึ่ง คณะบริหารในเมืองเซวาสโตโปล ซึ่งเป็นฐานทัพเรือทะเลดำของรัสเซียที่ตั้งอยู่บนแหลมไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกมาตั้งแต่ปี 2014 แถลงว่าได้ระงับการใช้เส้นทางเรือเฟอร์รีรอบเมือง หลังจากโดรนโจมตีลำหนึ่งของยูเครนถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียขับไล่ออกไป
ด้านกระทรวงกลาโหมยูเครนแถลงว่า เหตุระเบิดในจานคอยทางเหนือของไครเมียทำให้ขีปนาวุธร่อนที่รัสเซียเตรียมไว้ใช้ในทะเลดำได้รับความเสียหาย
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)
