แหล่งข่าววงในแย้มสี จิ้นผิง เล็งเยือนรัสเซียอย่างเร็วที่สุดสัปดาห์หน้า ขณะที่สถานการณ์การสู้รบในเมืองบัคมุตยังดุเดือดเข้มข้น ต่างฝ่ายต่างอวดอ้างว่า สังหารทหารศัตรูล้มตายจำนวนมาก
การเยือนของประธานาธิบดีสีของจีนในสัปดาห์หน้า หรือไม่กี่วันหลังจากได้รับการรับรองจากรัฐสภาจีนให้เข้ารับตำแหน่งประมุขแดนมังกรสมัยที่ 3 เกิดขึ้นเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้มาก และมีแนวโน้มว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ป่าวประกาศก่อนหน้านี้ว่า ได้เชิญสีเยือนมอสโกแต่ไม่ได้ระบุวันเวลาที่แน่นอนนั้นจะใช้ความเคลื่อนไหวนี้ มาอวดโอ่เป็นการแสดงให้เห็นว่า ปักกิ่งสนับสนุนรัสเซียในการทำสงครามในยูเครน
แหล่งข่าวที่เปิดเผยเรื่องนี้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวตนโดยอ้างว่า เป็นประเด็นอ่อนไหว ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีน ตลอดจนถึงเครมลินยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวนี้เช่นเดียวกัน
การเยือนรัสเซียของสีจะถือเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับปูติน ที่พยายามเล่าเรื่องว่า สงครามในยูเครนเป็นความขัดแย้งกับพวกมหาอำนาจตะวันตก ขณะเดียวกัน รัสเซียก็ต้องพึ่งพิงตลาดจีนในการระบายน้ำมันและก๊าซที่ยังไม่สามารถขายในยุโรปได้
ที่ผ่านมา จีนประกาศตัวเป็นกลางในสงครามยูเครน แต่ก็เอนเอียงไปข้างมอสโก โดยไม่ได้แถลงกล่าวหารัสเซียเป็นฝ่ายรุกราน แต่ย้ำว่าต้องคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของแดนหมีขาวด้วย นอกจากนั้น ยังคัดค้านมาตรการแซงก์ชันมอสโกของตะวันตก
เมื่อเร็วๆ นี้ปักกิ่งยังเสนอแผนสันติภาพซึ่งเป็นที่เคลือบแคลงของตะวันตก เวลาเดียวกันอเมริกาก็ตั้งข้อกล่าวหาตั้งแต่เดือนที่แล้วว่า จีนกำลังชั่งใจจะจัดส่งอาวุธให้รัสเซีย ถึงแม้ปักกิ่งปฏิเสธเรื่องนี้
รายงานส่วนใหญ่ของฝ่ายตะวันตกก่อนหน้านี้มองว่า สีจะยังไม่ไปเยือนรัสเซียเร็วๆ นี้ เช่น วอลล์สตรีทเจอร์นัลที่รายงานเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า การเยือนมอสโกจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน หรือต้นเดือนพฤษภาคม
จีนและรัสเซียประกาศเป็นพันธมิตร “ไร้ขีดจำกัด” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 หรือไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่รัสเซียจะเปิดฉากบุกยูเครน และทั้ง 2 ประเทศตอกย้ำบ่อยครั้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เช่น ระหว่างที่นักการทูตระดับสูงของจีนเยือนรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้วในช่วงครบรอบ 1 ปีสงครามยูเครน และเป็นช่วงเดียวกับที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา เยือนเคียฟ
ส่วนความคืบหน้าในการสู้รบในยูเครนนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายต่างระบุว่า มีการสู้รบหนักหน่วงที่เมืองบัคมุต ซึ่งอยู่ในสภาพเสียหายยับเยิน เมืองนี้ตั้งอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน และเป็นสมรภูมิหลักในปฏิบัติการฤดูหนาวของรัสเซียที่การใช้ทหารใหม่ที่เกณฑ์จากกองหนุนเมื่อปลายปีที่แล้ว รวมทั้งทหารรับจ้างจากกลุ่มวากเนอร์ กรุ๊ป หลายพันนาย โดยมีรายงานว่า กองกำลังของวากเนอร์อย่างน้อยก็ยึดฟากตะวันออกของบัคมุตได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถโอบล้อมเมืองนี้ได้ทั้งหมด
ถึงแม้ฝ่ายทหารยูเครนทำท่าจะยอมถอนตัวออกไปจากบัคมุตแล้ว แต่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตัดสินใจปกป้องบัคมุตมากกว่าจะถอย
เซเลนสกี กล่าวอวดอ้างในการปราศรัยประจำคืนวันอาทิตย์ (12) ว่า กองกำลังยูเครนสังหารทหารรัสเซียกว่า 1,100 นายในบัคมุตในช่วงเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ขณะที่ฝ่ายกองทัพรัสเซียก็อวดว่า ทหารรัสเซียสังหารทหารยูเครนกว่า 220 นายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาในแคว้นโดเนตสก์
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทางการทหารของตะวันตกบางคนมองว่า บัคมุตซึ่งเป็นสมรภูมิที่นองเลือดที่สุดในยุโรปนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ใช่สมรภูมิที่ดีที่สุดที่ยูเครนจะใช้เป็นที่มั่นบั่นทอนกองกำลังรัสเซีย
ด้านเยฟเกนี ปรีโกจิน ผู้ก่อตั้งวากเนอร์ กรุ๊ป ยอมรับว่า สถานการณ์ในบัคมุตยากลำบากมาก และยิ่งเข้าใกล้ใจกลางเมือง การสู้รบยิ่งหนักหน่วง เขาสำทับว่า ยูเครนส่งกำลังหนุนเข้าไปไม่ขาดสาย แต่ยืนยันว่า วากเนอร์ยังสามารถรุกคืบได้ต่อไป
ปรีโกจินเสริมว่า กองทัพรัสเซียได้จัดส่งกระสุนให้วากเนอร์หลายคันรถบรรทุก จากก่อนหน้านี้ที่เขาเคยร้องเรียนว่าบรรดานายพลระดับสูงของรัสเซียไม่ยอมส่งกระสุนให้ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธ
(ที่มา : รอยเตอร์)