นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น เดินทางจากอินเดียต่อไปยังยูเครนโดยไม่ประกาศล่วงหน้าวันนี้ (21 มี.ค.) และจะพบกับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าเป็นการ “ดักหน้า” ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนที่อยู่ระหว่างเยือนรัสเซีย
สำนักข่าว NHK รายงานว่า คิชิดะ เดินทางออกจากอินเดียแล้วหลังจากที่พบปะหารือกับนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี และเวลานี้กำลังเดินทางด้วยรถไฟจากเมือง Przemysl ในโปแลนด์เพื่อไปยังกรุงเคียฟ
การเยือนของ คิชิดะ ทำให้เขากลายเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนแรกในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เดินทางไปเยือนประเทศ หรือภูมิภาคที่กำลังร้อนระอุด้วยไฟสงคราม และยังถือเป็นผู้นำชาติเอเชียรายแรกในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ที่ไปเยือนยูเครนด้วย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเดินทางของ คิชิดะ และ สี จิ้นผิง เป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนความแตกแยกในเอเชียตะวันออกต่อสงครามในยูเครน โดยรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นให้คำมั่นสัญญามอบความช่วยเหลือจำนวนมากแก่เคียฟ ขณะที่จีนยังคงส่งสัญญาณหนุนหลัง ปูติน ที่ตอนนี้ถูกศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ออกหมายจับฐานก่ออาชญากรรมสงคราม
ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ กระชับความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงและข่าวกรองเพื่อต้านทานอิทธิพลของจีน นอกจากนี้ โตเกียวยังอยู่ในกลุ่มพันธมิตร 4 ฝ่าย Quad ร่วมกับอินเดีย ออสเตรเลีย สหรัฐฯ ที่เน้นประสานความร่วมมือกันในด้านความมั่นคงด้วย
คิชิดะ เคยออกมาวิจารณ์การบุกยูเครนของรัสเซียด้วยถ้อยคำที่รุนแรง โดยกล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า “ยูเครนวันนี้อาจเป็นเอเชียตะวันออกในวันพรุ่งนี้” และในช่วงครบรอบ 1 ปีสงครามรัสเซีย-ยูเครน รัฐบาลของเขายังประกาศมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เคียฟเป็นวงเงินถึง 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานโดยอ้าง “แหล่งข่าวใกล้ชิด” เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มีแผนที่จะพูดคุยกับ เซเลนสกี หลังสิ้นสุดทริปเยือนมอสโก ซึ่งหากเป็นความจริงก็จะถือเป็นการหารือโดยตรงครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสอง นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ปีที่แล้ว
เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายยูเครน จีน และสหรัฐฯ ยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเรื่องการพบปะระหว่าง สี และเซเลนสกี ซึ่งคาดกันว่าอาจจะจัดในรูปของการประชุมทางไกล
ที่มา : CNN