พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ คาดปฏิบัติการรุกรานทางทหารในยูเครนอาจไม่สามารถชี้ขาดผลแพ้-ชนะได้ในสนามรบ และสุดท้ายอาจต้องจบลงที่ “โต๊ะเจรจา” พร้อมเตือนยูเครนจะสูญเสียเลือดเนื้อและทรัพยากรมหาศาลหากจะขับไล่ทหารรัสเซียทุกนายออกไปให้พ้นดินแดน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ “ทำได้ยากยิ่ง”
พล.อ.มิลลีย์ ให้สัมภาษณ์ผ่าน podcast กับสถาบัน Eurasia Group Foundation เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ตนเชื่อว่าทั้งรัสเซียและยูเครนไม่น่าจะบรรลุเป้าหมายทางทหารของตนเองได้ทั้งหมด และสุดท้ายแล้ว “นักการทูต” จากหลายๆ ประเทศจะต้องเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งเพื่อทำให้สงครามครั้งนี้จบลงได้
“วันหนึ่งผู้คนจะเริ่มคิดได้ว่า ต้นทุนในการทำสงครามด้วยกำลังทหารต่อไปเรื่อยๆ นั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้ และตัวผมเองก็รู้สึกชื่นชมในความมุ่งมั่น กล้าหาญ และความยืดหยุ่น (resilience) ของชาวยูเครน” พล.อ.มิลลีย์ ระบุในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (21 มี.ค.)
“แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ในทางปฏิบัติจริงนั้นการจะขับไล่ชาวรัสเซียทุกคนออกจากยูเครนเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในทางการทหาร และจะต้องมีการสูญเสียเลือดเนื้อและทรัพยากรอย่างมาก”
ด้วยเหตุนี้ พล.อ.มิลลีย์ จึงมองว่า “ต้องมีใครสักคนไปคิดหาวิธีว่าจะดึงทุกฝ่ายเข้าสู่โต๊ะเจรจาได้อย่างไร และนั่นจะเป็นวิธีที่ช่วยยุติสงครามในที่สุด”
ความเห็นของประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ สอดคล้องกับสิ่งที่ตัวเขาเองเคยออกมาประเมินก่อนหน้านี้เกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 13
ที่ผ่านมา มีรัฐบาลหลายประเทศ เช่น ตุรกี ได้พยายามทำหน้าที่คนกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง และล่าสุดคือมหาอำนาจอย่าง “จีน” ที่เสนอแผนสันติภาพ 12 ประการเพื่อยุติสงคราม แต่ถูกสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกวิจารณ์ว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่รัสเซียเกินไป
ขณะเดียวกัน การสู้รบบริเวณแนวหน้าของภูมิภาคดอนบาสยังคงคร่าชีวิตกองกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายอย่างไม่หยุดหย่อน รัสเซียได้เปิดปฏิบัติการจู่โจมช่วงฤดูใบไม้ผลิตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ และถึงแม้จะมีการเสริมกองกำลังนับแสนนายเข้าสู่สมรภูมิจนสามารถรุกคืบได้ในหลายทิศทาง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่ากองทัพยูเครนจะมีเวลาตั้งตัวจนสามารถตอบโต้คืนได้ในอีกไม่ช้า
ที่มา : business insider