เครดิต สวิส ธนาคารชื่อดังของสวิตเซอร์แลนด์ หาทางแก้ปัญหาสภาพคล่อง และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน ด้วยการรับเงินกู้ฉุกเฉินจำนวน 54,000 ล้านดอลลาร์จากแบงก์ชาติสวิส ภายหลังที่ราคาหุ้นดำดิ่งอย่างรุนแรงจนเกิดความหวาดกลัวกันว่าจะเกิดวิกฤตภาคการธนาคารทั่วโลก อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวนี้ดูเหมือนจะช่วยคลายความกังวลได้แค่บางส่วน ขณะเดียวกัน เจพีมอร์แกนชี้ว่า มาตรการกู้ชีพดังกล่าวไม่เพียงพอ และการรักษาสถานะดั้งเดิมไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป ทว่า แนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ การถูกเทกโอเวอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยคู่แข่งอย่างยูบีเอส
การประกาศของ เครดิต สวิส ที่เป็นธนาคารใหญ่อันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ และเป็น 1 ใน 30 แบงก์ระดับโลกซึ่งถือว่าใหญ่เกินปล่อยให้ล้มว่า จะใช้เงินกู้ 54,000 ล้านดอลลาร์จากธนาคารกลางสวิส (เอสเอ็นบี) ช่วยยับยั้งการเทขายอย่างหนักในตลาดการเงินเอเชียวันพฤหัสฯ และกระตุ้นตลาดหุ้นยุโรปเปิดในแดนบวกในวันเดียวกัน
โดยที่หุ้นของเครดิต สวิส เองนั้น พุ่งกลับขึ้นมามาอย่างแรงหลังจากที่ช่วงหนึ่งหล่นลงไปถึง 25% ในวันพุธ (15) ทว่าต่อมาราคาได้ตกลงอีกในช่วงบ่ายของยุโรป และซื้อขายกันในระดับราคาสูงขึ้นจากวันก่อนราวๆ 17%
สำหรับราคาหุ้นของพวกแบงก์รายใหญ่ในสหรัฐฯ เป็นต้นว่า เจพี มอร์แกน, มอร์แกน สแตนลีย์, และ แบงอ์ออฟอเมริกา ต่างอ่อนตัวลงระหว่าง 1 – 1.5% ในการซื้อขายช่วงต้นๆ ของตลาดนิวยอร์กวันพฤหัสบดี ขณะที่ดัชนีหุ้นแบงก์ 500 ของเอสแอนด์พี ร่วงลงมา 2%
ยิ่งพวกธนาคารขนาดกลางและแบงก์ระดับภูมิภาค อย่างเช่น เฟิสต์รีพับลิก, แพคเวสต์แบงคอร์ป, และเวสเทิร์นอัลไลแอนซ์แบงคอร์ป, เคีย์คอร์ป, โคเมอริกา, ฟิฟธ์เธิร์ดแบงคอร์ป ร่วงแรงระหว่าง 3.5 จนถึง 30%
ฟากยุโรปนั้น ดัชนีหุ้นภาคธนาคาร SX7P ขยับขึ้นไปได้ 1.3% ในช่วงบ่ายๆ หลังจากตกฮวบมาหลายวัน โดยตามข้อมูลของ Refinitiv แสดงว่าตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมก่อนการล้มของซิลิคอนแวลลีย์แบงก์ (เอสวีบี) ในสัปดาห์ที่แล้วเสียอีก พวกแบง์ในยุโรปได้สูญเสียมูลค่าตามราคาตลาดหุ้นไปล้วราวๆ 165,000 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ การล้มของ เอสวีบี และซิกเนเจอร์แบงก์ ธนาคารระดับภูมิภาค 2 แห่งของอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจุดชนวนความกังวลในหมู่นักลงทุนและลูกค้าแบงก์เกี่ยวกับความยืดหยุ่นของระบบการเงินการธนาคาร ท่ามกลางแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลก
ก่อนหน้านี้เครดิต สวิส ถูกกลุ่มลูกค้าเศรษฐีแห่ถอนเงิน ซึ่งลูอิส อาเรนซานา ผู้ก่อตั้งเชลเตอร์ ไอส์แลนด์ แคปิตอล แมเนจเมนต์ ชี้ว่า ไม่ได้เป็นปฏิกิริยาแตกตื่นจากสถานการณ์ในอเมริกาอย่างเดียวเสมอไป พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เครดิต สวิสไม่ได้ทำให้ต้นทุนเงินทุนของส่วนผู้ถือหุ้นงอกเงยขึ้นมาตั้งแต่ปี 2013 และขาดทุนสะสม 2.5 ฟรังก์สวิสต่อหุ้นแล้วนับจากตอนนั้น อีกทั้งยังขาดทุนถึง 5 ปีตลอดระยะ 9 ปีที่ผ่านมา
เริ่มแรกตลาดตอบรับอย่างดีต่อข่าวเครดิต สวิสเลือกรับความช่วยเหลือ ส่งให้ราคาหุ้นแบงก์แห่งนี้ดีดขึ้นถึง 32% ในช่วงไม่กี่นาทีแรกที่เปิดการซื้อขาย หลังจากร่วงลงเกือบ 25% ในวันพุธอันเนื่องมาจากผู้สนับสนุนรายใหญ่สุดระบุว่า ไม่สามารถเสนอความช่วยเหลือทางการเงินให้เครดิต สวิสได้อีกต่อไปเนื่องจากเหตุผลด้านกฎระเบียบ
ทั้งนี้ ในคำแถลงที่ออกมาตอนเช้าวันพฤหัสฯ เครดิต สวิสเผยว่า จะใช้สิทธิ์กู้ยืมเงิน 50,000 ล้านฟรังก์สวิส (54,000 ล้านดอลลาร์) จากธนาคารกลาง หลังจากเมื่อวันพุธทางการสวิสออกมายืนยันว่า แบงก์แห่งนี้มีเงินทุนและสภาพคล่องตรงตามข้อกำหนดสำหรับธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบ และสามารถเข้าถึงสภาพคล่องของแบงก์ชาติได้หากจำเป็น
เครดิต สวิสยังประกาศซื้อหนี้คืนเป็นมูลค่า 3,000 ล้านฟรังก์
อันเดรียส์ เวนดิตติ นักกลยุทธ์หลักทรัพย์ของแบงก์ วอนโตเบล กล่าวว่า หลังจากราคาหุ้นผันผวนแรงเมื่อวันพุธ ทางการสวิสจึงเสนอให้การสนับสนุน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่สำคัญและชัดเจน เขายังแสดงความหวังว่า มาตรการเหล่านี้จะช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดและหยุดยั้งวงจรลบได้ ก่อนยอมรับว่า คงต้องใช้เวลากว่าตลาดจะฟื้นความไว้วางใจต่อเครดิต สวิสอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ดี มีผู้ที่มองต่างมุม เป็นต้นว่าทีมนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนระบุในรายงานสั้นส่งถึงลูกค้าว่า การถูกเทกโอเวอร์เป็นสถานการณ์ที่มีแนวโน้มมากที่สุดสำหรับเครดิต สวิส โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยคู่แข่งอย่างยูบีเอส
วาณิชธนกิจชื่อดังของอเมริกาแห่งนี้มองว่า การสนับสนุนสภาพคล่องจากแบงก์ชาติสวิสไม่เพียงพอ และเชื่อว่า สถานการณ์ของเครดิต สวิสเป็นเรื่องของปัญหาความเชื่อมั่นในตลาดที่มีต่อกลยุทธ์ธุรกิจระหว่างประเทศของแบงก์แห่งนี้
เจพีมอร์แกนเสริมว่า สถานะดั้งเดิมไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป ขณะที่ความกังวลของคู่สัญญาเริ่มปรากฏขึ้นและสะท้อนให้เห็นจากความอ่อนแอในตลาดสินเชื่อ/หุ้น
ซูซานนาห์ สตรีทเตอร์ หัวหน้าแผนกเงินและตลาดของฮาร์กรีฟส์ แลนส์ดาวน์ ชี้ว่า เครดิต สวิสเป็นแบงก์ใหญ่แห่งแรกในกลุ่มที่ถูกมองว่าใหญ่เกินปล่อยให้ล้มได้ ซึ่งตกลงรับข้อเสนอต่อลมหายใจฉุกเฉิน และสำทับว่า เงินกู้ 54,000 ล้านดอลลาร์สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับการแห่ถอนเงินจากเครดิต สวิสหนักขึ้น และผลกระทบที่จะเกิดกับสถาบันการเงินอื่นๆ ทั่วโลกที่ปล่อยกู้ให้เครดิต สวิส
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)