xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ-รัสเซียปะทะกันโดยตรงครั้งแรกในสงครามยูเครน!! มอสโกโต้ โดรนมะกันโหม่งทะเลดำเอง เครื่องบินขับไล่หมีขาวไม่เกี่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ภาพจากแฟ้ม) โดรนเอ็มคิว-9 รีปเตอร์ ของกองทัพสหรัฐฯ ขณะถูกนำออกมาโชว์ที่สนามบินกันดาฮาร์ ในอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2018 ทั้งนี้ สหรัฐฯ กล่าวหาในวันอังคาร (14 มี.ค.) ว่า เครื่องบินขับไล่รัสเซียได้เข้าสกัด และทำให้โดรนแบบนี้ของสหรัฐฯ ลำหนึ่งตกลงสู่ทะเลดำ
สหรัฐฯ ประณามรัสเซียเลินเล่อและไม่เป็นมืออาชีพ ใช้เครื่องบินขับไล่เทเชื้อเพลิงใส่โดรนสปายอเมริกันและพุ่งชนจนตกลงในทะเลดำ ด้านมอสโกตอบโต้อากาศยานไร้นักบินสหรัฐฯ ดังกล่าวซึ่งแอบเข้าไปสอดแนมเกิดเสียหลักดิ่งลงน้ำเอง รวมทั้งเรียกร้องอเมริกาเลิกพฤติกรรมยั่วยุและเป็นปฏิปักษ์เช่นนี้ ในอีกด้านหนึ่ง ปูตินยังขุดแผลเก่า ย้ำการก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมเป็นปฏิบัติการฝีมือระดับ “รัฐ” ไม่ใช่แค่กลุ่มโปรยูเครนตามที่สื่อตะวันตกกุขึ้นมา

กองบัญชาการทหารภาคยุโรปของสหรัฐฯ แถลงกล่าวหาว่า เมื่อวันอังคาร (14 มี.ค.) เครื่องบินขับไล่ซู-27 ของรัสเซีย 2 ลำ เข้าสกัดโดรนเอ็มคิว-9 รีปเตอร์ ลำหนึ่งของอเมริกาที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจตรวจการณ์เหนือทะเลดำบริเวณน่านน้ำสากลตามปกติ โดยที่ ซู-27 ได้ปล่อยเชื้อเพลิงใส่ ซึ่งอาจเพราะต้องการบดบังทัศนวิสัยหรือกระทั่งมุ่งทำลายโดรนลำดังกล่าว ทั้งนี้ ปรากฏว่าใบพัดด้านหนึ่งของโดรนอเมริกันถูกทำลายเสียหาย นอกจากนั้น เครื่องบินขับไล่รัสเซียยังบินไปดักด้านหน้าโดรนในลักษณะที่ประมาทเลินเล่อ ไม่ปลอดภัย และไม่เป็นมืออาชีพหลายครั้งก่อนที่โดรนดังกล่าวจะตกลงไปในทะเล

ทว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า ตรวจพบเอ็มคิว-9 ลำหนึ่งบินเหนือทะเลดำในบริเวณคาบสมุทรไครเมียโดยกำลังมุ่งหน้าไปยังชายแดนรัสเซีย แล้วโดรนดังกล่าวเกิดการหักเหรุนแรงทำให้เสียการทรงตัวและดิ่งลงกระแทกกับพื้นน้ำ พร้อมยืนยันว่า เครื่องบินขับไล่ 2 ลำของรัสเซียไม่ได้สัมผัส หรือใช้อาวุธโจมตีเอ็มคิว-9 ลำนี้แต่อย่างใด

ด้าน จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ปฏิเสธการกล่าวอ้างของรัสเซีย และเสริมว่า อเมริกาพยายามป้องกันไม่ให้โดรนที่ร่วงตกอยู่ในมือคนผิด

เขายังบอกว่า การที่รัสเซียสกัดอากาศยานเหนือทะเลดำเป็นเรื่องปกติ แต่กรณีนี้เป็นการดำเนินการที่ไม่ปลอดภัย ไม่เป็นมืออาชีพ และประมาทเลินเล่อ

ทั้งนี้ อเมริกาใช้เอ็มคิว-9 รีปเปอร์ ทั้งสำหรับภารกิจตรวจการณ์สอดแนมและภารกิจโจมตี และนำไปโดรนแบบนี้เข้าประจำการในทะเลดำมานานแล้วเพื่อจับตากองทัพเรือรัสเซีย

ด้าน พล.อ.เจมส์ เฮกเกอร์ ผู้บัญชาการของกองกำลังทัพอากาศสหรัฐฯ ประจำยุโรปและแอฟริกา แถลงว่า เครื่องบินของอเมริกาและพันธมิตรจะยังคงปฏิบัติภารกิจในน่านฟ้าสากลต่อไป และเรียกร้องรัสเซียให้ปฏิบัติการอย่างคำนึงถึงความปลอดภัยและมีความเป็นมืออาชีพ

ทว่า เมื่อวันพุธ (15) อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำวอชิงตันที่ถูกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกเข้าพบจากกรณีเอ็มคิว-9 นี้ ได้กล่าวเรียกร้องให้วอชิงตันระงับการคาดเดาผ่านสื่อและยุติการบินใกล้พรมแดนรัสเซียเพื่อรวบรวมข้อมูลลับให้เคียฟนำไปใช้ในการโจมตีกองกำลังและดินแดนรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการยั่วยุและเป็นปฏิปักษ์

เหตุการณ์นี้ถือเป็นการเผชิญหน้าโดยตรงครั้งแรกระหว่างวอชิงตันกับมอสโกนับจากสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมากว่าปี ทว่าพวกนักการทูตในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ไม่คิดว่าจะทำให้สถานการณ์ลุกลามขยายตัวในทันที

เช่นเดียวกับแหล่งข่าวทางการทหารของตะวันตกผู้หนึ่งที่ระบุว่า ช่องทางทางการทูตระหว่างรัสเซียกับอเมริกาจะช่วยจำกัดผลกระทบจากสถานการณ์นี้ได้

ทั้งนี้ การบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ทำให้เกิดความกังวลกันว่าจะมีการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างมอสโกกับพันธมิตรนาโต้ที่จัดหาอาวุธให้แก่เคียฟ

เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีรายงานการโจมตีด้วยขีปนาวุธในบริเวณภาคตะวันออกของโปแลนด์ ซึ่งติดต่อกับยูเครน ก่อให้เกิดความกังวลขึ้นมาช่วงสั้นๆ ว่า หรือสงครามจะแผ่ลามขยายตัว เนื่องจากโปแลนด์เป็นพันธมิตรนาโต้รายหนึ่งซึ่งสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน และถูกใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทธภัณฑ์จากฝ่ายตะวันตกไปให้ฝ่ายเคียฟ ทว่าหลังจากนั้นไม่นานแหล่งข่าวทางการทหารของตะวันตกสรุปว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนเป็นฝ่ายยิงขีปนาวุธดังกล่าวพลัดเข้าไปในโปแลนด์ ไม่ใช่ฝีมือรัสเซีย

ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวเมื่อวันอังคาร (14) ว่า เหตุระเบิดสายท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีม” ของรัสเซียเมื่อปลายปีที่แล้วเป็นการปฏิบัติการระดับประเทศ เพราะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีเฉพาะที่มีแต่สถาบันระดับรัฐเท่านั้นที่ให้การสนับสนุนได้ และย้ำว่า รายงานข่าวของสื่อตะวันตกก่อนหน้านี้ที่อ้างว่า ผู้ก่อเหตุคราวนี้คือกลุ่มโปรยูเครนนั้น “ไร้สาระทั้งเพ” ก่อนสำทับว่า ถ้าหากจะพิจารณาว่าใครคือผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการระเบิดคราวนี้มากที่สุดแล้ว ก็เห็นได้ชัดเจนว่าคืออเมริกา

สายท่อส่งนอร์ดสตรีม 1 และ 2 ที่เชื่อมระหว่างรัสเซียกับเยอรมนี โดยลอดใต้ทะเลบอลติก ถูกโจมตีด้วยระเบิดปริศนาเมื่อเดือนกันยายน

เดนมาร์ก เยอรมนี และสวีเดนกำลังทำการสอบสวนเหตุการณ์เหล่านี้ โดยที่รัสเซียโวยว่า ตนไม่ได้รับแจ้งข่าวคราวความคืบหน้าในการสอบสวน

ด้านเจ้าหน้าที่สอบสวนของสวีเดนและยุโรประบุว่า การโจมตีดังกล่าวมีวัตถุประสงค์แอบแฝง แต่ไม่ได้ฟันธงว่าเป็นฝีมือใครหรือกลุ่มใด

ขณะที่ทำเนียบขาวออกคำแถลงเมื่อเดือนที่แล้วยืนกรานว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการระเบิดสายท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม ตามที่ ซีย์มอร์ เฮิร์ช นักข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนชื่อดังชาวอเมริกัน รายงานออกมาก่อนหน้านั้น

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น