รัสเซียได้ทีเย้ย! ชี้แพะ 'โปรยูเครน' บึ้มท่อนอร์ดสตรีม แค่มุกเบี่ยงความสนใจไปจากผู้ร้ายตัวจริง

รายงานของสื่อตะวันตกซึ่งปลดเปลื้องตัวละครรัฐสมาชิกนาโต้ พ้นจากคำครหาเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ก่อความเสียหายแก่ท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และ 2 เป็นความเคลื่อนไหวบิดเบือนข้อมูลที่เกิดขึ้นอย่างพอเหมาะพอเจาะ จากความเห็นของโฆษกวังเครมลินในวันพุธ (8 มี.ค.) หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ถูกซีย์มอร์ เฮิร์ซ นักข่าวสืบสวนสอบสวนคนดังออกมาแฉว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุลอบก่อวินาศกรรมดังกล่าว

ทั้งนี้ รายงานข่าวดังกล่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ซึ่งอ้างแหล่งข่าวนิรนาม มีขึ้นไม่กี่วันหลังจาก โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เดินทางเยือนวอชิงตัน พบปะกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ซึ่งในเรื่องนี้ทาง ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่า มันดูเหมือนเป็นความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปจากผู้ร้ายตัวจริง

เมื่อวันอังคาร (7 มี.ค.) หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส อ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และข่าวกรองใหม่ ระบุพวกฝักใฝ่ยูเครนกลุ่มหนึ่งอาจอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีในเดือนกันยายนปีก่อน ก่อความเสียหายแก่ท่อลำเลียงทั้ง 2 ซึ่งเชื่อมจากรัสเซีย ลอดใต้ทะเลบอลติกไปเยอรมนี ยิ่งไปกว่านั้นนิวยอร์กไทม์สอ้างแหล่งข่าวบอกด้วยว่า "ไม่มีคนสัญชาติสหรัฐฯ หรือสหราชอาณาจักร" เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้

ในวันเดียวกัน สถานีโทรทัศน์เออาร์ดี และสถานีวิทยุเอสดับเบิลยูอาร์ของเยอรมนี รวมถึงหนังสือพิมพ์ Die Zeit อ้างว่า ทีมสืบสวนเยอรมนีที่กำลังตรวจสอบเหตุการณ์นี้พบเรือยอชต์ที่เชื่อว่าถูกใช้ในการก่อเหตุ โดยมันเป็นของบริษัทแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในโปแลนด์และมีเจ้าของเป็นชาวยูเครน 2 คน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว ซีย์มอร์ เฮิร์ซ นักข่าวสืบสวนสอบสวนคนดังเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ชาวสหรัฐฯ เผยแพร่ผลการสืบสวน ซึ่งกล่าวโทษวอชิงตันว่าเป็นผู้บงการเหตุโจมตีท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม แต่ทางทำเนียบขาวปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังใดๆ และเรียกคำกล่าวหานั้นว่า "เป็นเท็จโดยสิ้นเชิงและเป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้น"

ดมิทรี เปสคอฟ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสติ ระบุเขารู้สึกประหลาดใจมาก จากข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ถูกอ้างคำพูดในรายงานข่าวดังกล่าว สามารถคาดเดาเกี่ยวกับเหตุระเบิดได้โดยที่ไม่ได้ดำเนินการสืบสวนใดๆ พร้อมเน้นว่าจนถึงตอนนี้ รัสเซียยังไม่เคยได้รับเชิญให้เข้าร่วมการสืบสวนเลย

"มันไม่ใช่แค่แปลกๆ เท่านั้น แต่มันมีกลิ่นเหมือนอาชญากรรมร้ายแรง อย่างน้อยๆ บรรดาประเทศที่เป็นหุ้นส่วนของท่อลำเลียงและสหประชาชาติควรเรียกร้องให้มีการสืบสวนอย่างโปร่งใสโดยเร่งด่วน ซึ่งอาจเปิดโปงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้" เขากล่าว

สถานทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ ก็ได้แสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวของนิวยอร์กไทม์สเช่นกัน โดย อันเดรย์ เลเดเนฟ อัครราชทูตที่ปรึกษา บอกว่ามอสโกมองรายงานข่าวดังกล่าวว่า "ไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นความพยายามก่อความสับสนแก่คนที่จริงจังพยายามสืบหาต้นสายปลายเหตุของสิ่งต่างๆ ในอาชญากรรมเลวร้ายนี้"

เขาเน้นว่าเรื่องราวในนิวยอร์กไทม์ส เป็นที่น่าสังเกตว่าอาจเป็นความพยายามของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและบรรดาสื่อมวลชนที่พยายามดับกระแสข่าว รายงานข่าวทิ้งระเบิดของ ซีย์มอร์ เฮิร์ซ ที่ชี้ว่าสหรัฐฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว

ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เฮิร์ซ อ้างว่าแหล่งข่าวรับรู้เรื่องราวที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยกับเขาว่า สหรัฐฯ ลงมือร่วมกับนอร์เวย์ ในการลอบก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงแห่งนี้ ในปฏิบัติการที่ทาง เฮิร์ซ กล่าวอ้างว่าออกแบบมาเพื่อขัดขวางไม่ให้รัสเซียโกยเงินจากการขายก๊าซธรรมชาติราคาถูกแก่เยอรมนีและยุโรป และบีบให้เยอรมนีมอบความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินแก่ยูเครน ที่กำลังทำศึกสงครามกับรัสเซีย

บทความของเขา เฮิร์ซ อ้างว่าทีมประดาน้ำของกองทัพเรือสหรัฐฯ นำระเบิดไปวางไว้ที่ท่อลำเลียงใต้ทะเลที่ป้อนก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปเยอรมนี ในเดือนมิถุนายน 2022 ภายใต้ฉากหน้าการซ้อมรบร่วมนาโต้ BALTOPS 22 ในทะเลบอลติก

ในการออกมาแฉครั้งนี้ เฮิร์ซ ระบุว่า ระเบิดถูกจุดชนวนในอีก 3 เดือนต่อมาแบบทางไกล ผ่านตัวส่งสัญญาณที่ติดอยู่กับทุ่นโซนาร์ที่หย่อนลงไปในทะเลโดยเครื่องบินลาดตระเวน P8 ของกองทัพเรือนอร์เวย์

ท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม ซึ่งสร้างโดยก๊าซพรอม รัฐวิสาหกิจทางพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย เป็นการเชื่อมต่อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปเยอรมนี โดยนอร์ดสตรีม 1 สร้างเสร็จมาตั้งแต่ปี 2011 ส่วนนอร์ดสตรีม 2 สร้างเสร็จในปี 2021 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากยูเครนและพันธมิตรบางส่วนของเยอรมนี ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ ซึ่งเกรงว่ามันอาจเปิดทางให้มอสโกใช้ขู่กรรโชกเบอร์ลิน ด้วยการขู่จำกัดอุปทาน

สุดท้าย เยอรมนีตัดสินใจระงับออกใบอนุญาตท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม 2 ท่ามกลางสัญญาณในเวลานั้นว่ารัสเซียกำลังเตรียมการรุกรานยูเครน และนับตั้งแต่มอสโกเปิดฉากรุกรานจริง ยุโรปได้ลดการนำเข้าทางพลังงานจากรัสเซียลงอย่างมาก

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)