รับลูกทันที! สื่อเผยเยอรมนีเจอเรือใช้ก่อเหตุบึ้มท่อนอร์ดสตรีม หลังมะกันโบ้ยเป็นฝีมือกลุ่มฝักใฝ่ยูเครน

พวกเจ้าหน้าที่เยอรมนีที่กำลังสืบสวนเหตุระเบิดท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีม พบเรือลำหนึ่งดูเหมือนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการนี้ ที่ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นการลอบก่อวินาศกรรม ตามรายงานของสื่อมวลชนเยอรมนีในวันอังคาร (7 มี.ค.) พร้อมระบุเรือยอชต์ที่ว่ากันว่าถูกใช้ลงมือเป็นของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในโปแลนด์ โดยมีชาวยูเครนเป็นเจ้าของ

คำกล่าวอ้างดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส สื่อมวลชนสหัฐฯ ที่ระบุก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันว่า ข่าวกรองใหม่ที่ตรวจสอบทบทวนโดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บ่งชี้ว่าพวกฝักใฝ่ยูเครนกลุ่มหนึ่งลอบก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีมเมื่อเดือนกันยายน 2022 แต่ไม่พบหลักฐานความเกี่ยวข้องของรัฐบาลยูเครน

สถานีโทรทัศน์เออาร์ดี สถานีวิทยุเอสดับเบิลยูอาร์ และหนังสือพิมพ์ Die Zeit จับมือกันในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าสื่อเชิงสืบสวนร่วม ทำการสืบเสาะข้อมูลความเคลื่อนไหวต่างๆ ของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของเยอรมนี ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้

สิ่งที่พวกเขาสืบพบคือ พวกเจ้าหน้าที่บ่งชี้ว่ามีเรือยอชต์ลำหนึ่งแล่นออกมาจากรอสตอค เมืองท่าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี ในวันที่ 6 กันยายน โดยที่ระเบิดและอุปกรณ์สำหรับปฏิบัติการเดินทางมาถึงเมืองรอสตอค แยกกันผ่านทางรถบรรทุกส่งของคันหนึ่ง ต่อมา เรือยอชต์ลำดังกล่าวถูกพบที่เกาะคริสเตียนโซ ของเดนมาร์ก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกาะบอร์นโฮล์ม จุดที่ท่อลำเลียงได้รับความเสียหายเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2022

จากนั้นเรือยอชต์ถูกส่งคืนกลับไปที่เจ้าของ และทีมสืบสวนพบร่องรอยระเบิดบนโต๊ะตัวหนึ่งในห้องโดยสาร ตามรายงานของสื่อมวลชนเยอรมนี พร้อมระบุปฏิบัติการลอบก่อวินาศกรรมลงมือโดยคณะทำงาน 6 คน ประกอบด้วย กัปตันเรือ 1 คน นักประดาน้ำ 2 คน ผู้ช่วยนักประดาน้ำ 2 คน และแพทย์หญิงอีกคน

รายงานของสื่อมวลชนเยอรมนีระบุว่า ตัวตนหรือแม้กระทั่งสัญชาติของผู้ต้องสงสัยยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากคนเหล่านี้ถือครองพาสปอร์ตปลอมระดับมืออาชีพ ซึ่งพวกเขายังใช้พาสปอร์ตปลอมดังกล่าวเช่าเรือยอตช์ตั้งแต่แรกด้วย นอกจากนี้ รายงานข่าวบอกอีกว่า เจ้าหน้าที่เยอรมนียังไม่พบหลักฐานที่อาจชี้ชัดได้ว่าใครเป็นผู้สั่งการลอบก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม

เออาร์ดี เอสดับเบิลยูอาร์ และ Die Zeit รายงานว่าองค์กรหน่วยสืบราชการลับของตะวันตกแห่งหนึ่งได้แจ้งข่าวไปยังหน่วยข่าวกรองพันธมิตรยุโรปบางแห่ง ไม่นานหลังจากเกิดเหตุระเบิด ระบุว่าหน่วยคอมมานโดชาวยูเครนชุดหนึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตี นอกจากนี้ สื่อมวลชนทั้ง 3 แห่งอ้างด้วยว่าจากข้อมูลข่าวกรองเพิ่มเติม บ่งชี้ว่าพวกฝักใฝ่ยูเครนกลุ่มหนึ่งอยู่เบื้องหลังการลอบก่อวินาศกรรมครั้งนี้

จนถึงตอนนี้รัฐบาลเยอรมนียังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนทั้ง 3 แห่ง หลังจากก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก่อน สวีเดน เดนมาร์ก และเยอรมนีได้แจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่ายังอยู่ระหว่างการสืบสวนและยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ

ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส อ้างเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม รายงานในวันอังคาร (7 มี.ค.) ว่าพวกฝักใฝ่ยูเครนกลุ่มหนึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีเมื่อเดือนกันยายน 2022 "ไม่มีคนอเมริกาหรือคนสหราชอาณาจักรเกี่ยวข้อง" พร้อมระบุไม่พบหลักฐานความเกี่ยวข้องของรัฐบาลเคียฟเช่นกัน

นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า ระเบิดที่ก่อความเสียหายแก่ท่อลำเลียง 3 จากทั้งหมด 4 ท่อ บริเวณก้นทะเลบอลติก มีความเป็นไปได้อย่างที่สุดว่าจะเป็นการวางโดยพวกนักประดาน้ำที่มีประสบการณ์ ซึ่งในอดีตอาจเคยได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษจากทางการ

เป็นที่น่าสังเกตว่า รายงานของรอยเตอร์และนิวยอร์กไทม์ส ไม่ได้พาดพิงถึงรายงานข่าวของซีย์มอร์ เฮิร์ซ นักข่าวสืบสวนสอบสวนคนดังเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ชาวสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคนที่ออกมาอ้างเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าท่อลำเลียงนอร์ดสตรีมเป็นเป้าหมายของวอชิงตัน ในปฏิบัติการลับตามคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เฮิร์ซ อ้างว่าแหล่งข่าวรับรู้เรื่องราวที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยกับเขาว่า สหรัฐฯ ลงมือร่วมกับนอร์เวย์ ในการลอบก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงแห่งนี้ ในปฏิบัติการที่ทาง เฮิร์ซ กล่าวอ้างว่าออกแบบมาเพื่อขัดขวางไม่ให้รัสเซียโกยเงินจากการขายก๊าซธรรมชาติราคาถูกแก่เยอรมนีและยุโรป และบีบให้เยอรมนีมอบความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินแก่ยูเครนที่กำลังทำศึกสงครามกับรัสเซีย

บทความของเขา เฮิร์ซ อ้างว่าทีมประดาน้ำของกองทัพเรือสหรัฐฯ นำระเบิดไปวางไว้ที่ท่อลำเลียงใต้ทะเลที่ป้อนก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังเยอรมนี ในเดือนมิถุนายน 2022 ภายใต้ฉากหน้าการซ้อมรบร่วมนาโต้ BALTOPS 22 ในทะเลบอลติก

ในการออกมาแฉครั้งนี้ เฮิร์ซ ระบุว่า ระเบิดถูกจุดชนวนในอีก 3 เดือนต่อมาแบบทางไกล ผ่านตัวส่งสัญญาณที่ติดอยู่กับทุ่นโซนาร์ที่หย่อนลงไปในทะเลโดยเครื่องบินลาดตระเวน P8 ของกองทัพเรือนอร์เวย์

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)